หลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล
ความวิบัติเกิดทันใด
2-3วันต่อมา เกิดเรื่องไม่ดีภายในบ้านของโยมชายคนนั้น มีเหตุให้ทะเลาะกันในบ้านถึงกับตบตีกันวุ่นวาย โยมชายเกิดอาการจิตหลอน เกรงว่าจะถูกใครไม่ทราบมาทำร้ายให้ถึงตาย หนีไปซ่อนอยู่ในป่าเป็นบ้าเป็นบอไป ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงตามไปปลอบอย่างไรไม่ยอมท่าเดียว อ้างว่าจะถูกฆ่าตายถ้ากลับบ้าน เลยอาศัยป่าเป็นที่อยู่ไปอย่างหวาดผวาตลอดเวลา
ในที่สุดบรรดาผู้ที่เข้าใและรู้เรื่องการกลั่นแกล้งหลวงปู่ของโยมชายคนนั้น ชวนกันไปกราบสนทนากับหลวงปู่ ตอนหนึ่งปรารภกับหลวงปู่ว่า
“ขอโอกาสพวกกระผม..ครูบาอาจารย์ไม่โกรธเขาหรือ เขาแกล้งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เป็นกระผมหนีมันไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว”
หลวงปู่ตอบว่า
“ถ้าชาวบ้านชีทวนยังไม่ถึงกับร้องไห้ตาม ..จะยังไม่หนี”
มาอยู่เพื่อหาข้อจับผิดของหลวงปูู่่
ใช่แต่โยมคอยหาเรื่อง แม้พระด้วยกันก็มี
พระอาจารย์สี(ไม่ทราบนามฉายา)ได้ชื่อว่าแตกฉานพระวินัย มาขออยู่กับหลวงปู่ทองรัตน์เพื่อสังเกตุการณ์ว่าพระป่าอย่างองค์ท่านที่เป็นสายพระอาจารย์มั่นจะเป็นอย่างที่เขาร่ำลือหรือไม่ ด้วยได้ยินว่าพระป่าสายนี้เคร่งครัดพระวินัย จะเคร่งจริงไม่จริงอยากรู้เหมือนกัน
อยู่จนครบ3ปี ยังจับผิดอะไรไม่ได้
วันหนึ่งหลวงปู่ไปปัสสาวะในรางปัสสาวะตามปกติ บังเอิญพระอาจารย์สีอยู่ตรงนั้นพอดี องค์ท่านแกล้งถุยน้ำลายใส่รางปัสสาวะ จงใจทำให้พระอาจารย์สีเห็นถนัดๆ
พระอาจารย์สีร้องเอะอะขึ้นทันที
“เอ๊า..ท่านไม่รู้รึไง ทำแบบนี้มันผิดพระวินัย.. ไหนว่าเคร่งนักล่ะ”
หลวงปู่ย้อนกลับไปว่า
“ผมเห็นใจท่านดอก ยอมอยู่กับผมนานตั้ง3พรรษาจะหาทางจับผิด …แล้วท่านล่ะเป็นไงมั่ง?”
“ผมไม่เคยทำอะไรผิด”
“มีดที่ท่านนั่งทับอยู่ทุกวันน่ะไม่ผิดหรือ”
พระอาจารย์สีตกใจหน้าถอดสี
เรื่องซ่อนมีดพกเผื่อเอาไว้ป้องกันตัวใต้อาสนะมาเป็นเวลาหลายปีโดยที่ไม่มีใครเคยรู้นั้น องค์ท่านรู้ได้อย่างไร
เมื่อความแตกแล้วจะเอาหน้าไปไว้ไหน
วันต่อมาพระอาจารย์สีก็หนีออกไปจากวัด