เขาทราย กาแล็คซี่
มีข่าวลือว่า ชาง โฮ ชอยคู่ชกของเขาทราย แกแล็คซี่ คนล่าสุดตายเพราะทนพิษกำปั้นอีซ้ายทะลวงไส้ไม่ไหว
หนังสือพิมพ์รายวันสยามรัฐรายงานข่าวว่า แฟนมวยเมืองไทยสนใจข่าวลือนี้เป็นอย่างยิ่ง ถึงกับโทรศัพท์เข้าไปสอบถามกันอลหม่าน เนื้อความข่าวว่าอย่างนั้น
“จริงหรือเปล่าคะที่ว่าคู่ชกเขาทรายตายแล้ว” เสียงนุ่ม ๆ ของสาวรายหนึ่งพลิ้วมาตามสาย เมื่อเราชี้แจงไปเธอก็โล่งอก
เพราะไม่อยากให้เขาทรายกลายเป็นฆาตกรบนเวที
“ชาง โฮ ชอย เข้าโลงแล้วใช่ไหม” เสียงห้าว ๆ อีกรายว่า
“ยังครับ แค่เข้าโรงพยาบาลตามปกติ” นักข่าวของเราตอบ
“แล้วไม่มีรายงานข่าวว่าตับหรือม้ามของมันแตกบ้างรึ” หนุ่มนิรนามผู้นั้นกล่าวอย่างดุเดือด
“ไม่มีครับ” นักข่าวของเราว่า
“แหม ผมผิดหวังจริง ๆ พอมีข่าวลือออกมา ผมงี้แช่งให้มันตายไว ๆ หมั่นไส้มานานแล้วไอ้พวกเกาหลีนี่ถ้ามันยังไม่ตาย ผมขอแช่งให้มันตายวันตายพรุ่ง คุณช่วยแช่งมันด้วยนะครับ”
เล่นเอานักข่าวของเราเซ่อไปเลย
คนเขียนข่าวสยามรัฐบอกว่าทุกคนที่โทรศัพท์เข้ามาล้วนแต่ “สะใจ” กันทั้งนั้น
เรื่องสะใจนี้ผมเองก็สะใจกะเขาด้วยคนหนึ่ง สารภาพกันตรงนี้เลย
ใครจะว่ายังไงก็ยอม
บอกได้ว่าตั้งแต่นั่งรอสัญญาณภาพจากจอโทรทัศน์ ผมมีอันหนาว ๆ ร้อน ๆ เพราะกลัว “โกง” เหมือนกับแฟนมวยทุกคนนั่นแหละ
ในยกที่เขาทรายตอกกำปั้นใส่ชางโฮชอยจนทรุดสามครั้ง ผมยังตะโกนบอกเขาทรายผ่านจอโทรทัศน์เข้าถึงเวทีว่า “เฮียระ เฮียระ อย่าเพิ่งน็อค อย่าเพิ่งน็อค เลี้ยงไว้ก่อน”
เพราะอยากจะสะใจกว่าที่กำลังได้เห็นว่างั้นเถิด
เลยมีอันอยากเห็นเฮียระบินไปตอกหมัดที่นู่นอีกสักหนสองหนเอาแบบที่สะใจยังงี้อีก
มีความจริงอยู่ว่า ก่อนหน้าที่จะมีการชกที่เกาหลีเกิดขึ้น หลายคนเป็นห่วงเขาทรายอย่างแท้จริง บางคนถึงกับตัดพ้อต่อว่า รู้ทั้งรู้ว่าคนเกาหลีมันขี้โกงหน้าด้าน ๆ ก็ยังอุตส่าห์ (เสือก) ไปชกกะมันที่อื่นทำไมไม่ไปชก ชอบจริงเชียวเกาหลีนี่ มันเป็นยังไงถึงชอบไปชกกันจัง
คงต้องอธิบายว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ เกาหลีให้ค่าตัวแพงกว่าที่อื่นมาก ถ้าไปชกกับนักมวยประเทศอื่น ค่าตัวเขาทรายก็จะได้แค่สองล้าน เพราะเขาสู้ค่าตัวได้แค่นี้ แต่เกาหลีเงินหนักสามารถจะให้ค่าตัวดับเบิ้ลได้เลยคือสี่ล้านจึงเป็นเหตุผล เดียวที่จะตอบคำถามที่ว่าทำไมชอบไปเกาหลีทั้ง ๆ ที่รู้อยู่
อย่างว่านั่นแหละเรามันจ๊น
เห็นใจเถอะเห็นใจบ้าง
พูดแทนโกฮงและคณะได้แค่นี้แหละ
ในขณะที่ใครต่อใครพากันชื่นชมชัยชนะของเขาทราย มีใครบ้างไหมจะคิดย้อนหลังไปถึงสมัยก่อนที่เขาทรายจะได้เป็นแชมป์โลก และหลังจากได้เป็นแชมป์โลกแล้วใหม่ ๆ
ไม่มีเสียงชื่นชมสมหวังอย่างนี้หรอกจะบอกให้
มีแต่เสียงถากถางทั้งนั้น
ชื่อเขาทรายก็เรียกซะเพี้ยนเป็นเขาควาย, น่าน้อยใจไหมล่ะ
ตอนที่วาตานาเบ้ แชมป์โลกรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทโดนปลดไป ก็พูดกันว่าเขาทรายดวงดีได้ชิงแชมป์ที่ว่างกับยูเซเพียว เอสปินัล นักมวยโดมินิกัน และโชคดีเหวี่ยงหมัดไปถูกเขาเข้าเท่านั้นเลยได้แชมป์มา
ประเดี๋ยวเถอะเจอของจริงก็ต้องถอดเข็มขัดส่งคืนให้เขาไปไม่ทัน
พอชกกับดองฮุน ลี นักมวยเกาหลี เป็นรายต่อมา ก็ว่าถ้าน็อคเกาหลีไม่ได้ในยกเจ็ดนั้นเขาทรายอ่วมแน่, แถมเอะอะกันว่าชกครั้งนี้ยังโกงน้ำหนักดอง ฮุน ลี อีกด้วย (เพราะว่านักมวยไทยที่ขึ้นชกในรายการเดียวกัน น้ำหนักตัวลดฮวบฮาบรายละ 4-5 ปอนด์…อิอิ)
ทีนี้ก็มาถึง ราฟาเอล โอโรโน่ คู่ปรับเก่าของพเยาว์ พูนธรัตน์ เสียงค่อนแคะกระหึ่มทั้งเมืองว่าตานี้ล่ะเสร็จแน่ เพราะว่าข่าวลือเรื่องโกงน้ำหนักคราวก่อนฮือฮาไปถึงสมาคมมวยโลก และมีกรรมการจากสมาคมมาควบคุมการชั่งน้ำหนักอย่างใกล้ชิดเสียด้วย
ปรากฎว่าเขาทรายชั่งผ่านสบาย สบาย แถมพอขึ้นชกก็ทุบโอโรโน่ลงไปนอนแค่ยก ๕ เอง
ทีนี้เสียงสารพัดจึงค่อย ๆ เงียบลง
พอมาถึงทุกวันนี้เขาทรายค่อยยิ้มออกบ้าง
อันที่จริงเขาทรายสมัยก่อนเป็นแชมป์โลกนั้นใคร ๆ เห็นลีลาการชกแล้วก็น่าจะดูถูกอยู่หรอก เพราะเฮียระเขาชกตามสไตล์มวยหมัดหนักคือง้างกันมาจากสนามหลวงไปกระทบเป้า หมายที่รังสิต อันนี้ต้องรับว่าเป็นเช่นนั้นจริง ซ้ำร้ายยังเป็นนักมวยที่ “แตก” ง่ายที่สุด ถึงกับมีคนบอกว่า “เอาดินสอในมือของผมตีไปที่คิ้วเขาทรายก็แตกแล้ว (ว่ะ)” อันนี้ก็จริงอีกนั่นแหละ
แต่อย่างว่า คนเราถ้านิสัยดีมีวินัย ตั้งใจฝึกซ้อม เชื่อฟังผู้ฝึกสอนย่อมพัฒนาฝีมือขึ้นไปได้ไม่ยาก
เดี๋ยวนี้ก็ได้เห็นแล้วว่าฝืมือของเขาทรายวิวัฒนาการมาอย่างไร
นิสัยที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญว่าอย่างนั้นเถิด
ย้อนมาคุยถึงความหลังเพื่อความสะใจอีกเล็กน้อย คือก่อนที่เขาทรายจะได้ครองแชมป์ที่ว่างนั้นดูเหมือนจะเป็นระหว่างปลายปี 2526 เขาทรายกำลังมีอันดับค่อนข้างสูงในรุ่น และกำลังอยู่ในระหว่างเวลาของคำค่อนขอด โปรโมเตอร์เกาหลี คิม ยอง ชิ วางแผนเหนือเมฆ เอาชานยองปาร์ค มวยซุ่มเงียบมาชกกับเขาทรายที่เวทีราชดำเนินเพื่อจะแย่งอันดับให้นักมวย เกาหลีมีอันดับสูงขึ้น เพราะเห็นว่าเขาทรายเป็นนักมวยนอกสายตา คงไม่ยากที่จะทำอย่างที่หวัง
เรียกว่าหวุดหวิดจะสมหวังอยู่เหมือนกัน เพราะชานยองปาร์ค “ตุ๊ย” เขาทรายเสียย่ำแย่ คะแนนเป็นรองทุกยก แต่ในยกแปดเขาทรายกลับต่อยปลายคางชานยองปาร์คลงไปนอนให้กรรมการนับแปดได้ ก็เลยมีอันชนะคะแนนแบบใจพลิกคว่ำพลิกหงายหลายตระหลบ (ชนะเพราะลูกนับ…อิอิ)
ดูเหมือนการชกครั้งนี้จะเป็นหลักฐานกำลังให้คำค่อนขอดแข็งแรงอย่างยิ่ง
กระทั่งต้องเจอกับ อัม แจ ซอง นักมวยเกาหลีอีกทีในวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๒๗ นักมวยเกาหลีคนนี้ทนทรหดอย่างหาที่ติไม่ได้แม้จะโดนเขาทรายระดมต่อยแทบตายก็ ไม่ยอมล้มตัวลงนอน เมื่อครบยกเขาทรายจึงได้เป็นเพียงผู้ชนะคะแนน
หลังการชกเสร็จสิ้นไปแล้วนักวิจารณ์ทั้งหลายทั้งพูดทั้งเขียนกระแหนะกระแหนเป็นที่เพลิดเพลินไป
เกาหลีหมูน้อยยังงี้ น็อคไม่ลงจะไปชิงแชมป์โลกกับวาตานาเบ้ได้ไง (ขณะนั้นวาตานาเบ้ยังไม่โดนปลด)
แต่คุณทราบไหมว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับ อัม แจ ซอง
เมื่อเขากลับถึงบ้านในกรุงโซลเขาถูกนำเข้าโรงพยาบาลโดยรีบด่วน
เส้นโลหิตฝอยในสมองแตกต้องผ่าตัดช่วยเหลือในทันที
เดี๋ยวนี้ อัม แจ ซอง เป็นชายพิการผู้น่าสงสาร ไม่อาจชกมวยได้อีกตลอดชีวิต
ในช่วงเวลาแห่งการดูหมิ่นถากถางนั้น มีใครร้องบอกว่า “สะใจ” ไหม
บัดนี้เมฆหมอกแห่งคำนินทาค่อนขอดผ่านไปแล้ว และ
เขาทราย แกแล็คซี่ในวันนี้คือนักมวยที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์ ในการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทได้มากที่สุดในประเทศไทย และเป็นนักมวยที่มีสถิติการชกจบลงด้วยการน็อกเอ้าห์มากที่สุดในประเทศไทย
ดูเหมือนจะชกมาทั้งหมด ๓๔ ครั้ง ชนะน็อคเอ้าท์ ๓๐ ครั้ง
เห็นรอยยิ้มของเขาไหมครับ, เห็นการกระโดดโลดเต้นหลังกรรมการยุติการชกไหมครับ
นั้นคือรอยยิ้มและความลิงโลดของคนห้าสิบกว่าล้านในประเทศไทย
ยิ้มผู้แทนว่ายังงั้นก็ได้
ถึงตรงนี้คงต้องเร่งว่า, รีบ ๆ ขอเครื่องราชฯ ให้เขาเลยเขาจะเป็นมาตรฐานนักมวยอาชีพที่เมื่อใครคิดจะขอเครื่องราชฯ ให้นักมวยอาชีพคนอื่นต้องคิดหนัก
เกียรติประวัติเพียงแค่เท่าที่ได้เห็นในขณะนี้ใครจะลบ.
งานเขียนของคุณอาอำพล เจน … จากหนังสือแปลก ฉบับที่ 661
วันที่ 25 ตุลาคม 2531
————————————————————————