หลวงพ่อพิบูลย์ – ตอนที่ 3 –


ตอนท้ายของฉบับที่แล้ว เป็นเรื่องลงมือสร้างวัด ซึ่งไม่ได้บอกว่าใช้เวลานานแค่ไหน แต่ก็ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านชาวเมืองทั้งใกล้และไกล จนนึกเชื่อว่าวัดคงจะเป็นวัดในเวลาไม่นานเกินไป

เมื่อสร้างวัดเสร็จหลวงพ่อพิบูลย์ได้ชักชวนชาวบ้านให้มาอยู่รอบๆวัด โดยพยากรณ์ไว้ว่าต่อไปที่นี่จะกลายเป็นเมือง

พยากรณ์แล้วก็วางผังเมืองไว้ด้วย

แบ่งพื้นที่อย่างชัดเจน ว่าบริเวณไหนจะเป็นส่วนราชการ ตรงไหนเป็นเขตอยู่อาศัยของประชาชน คือแบ่งพื้นที่ออกเป็นคุ้มๆให้อยู่กันอย่างมีระเบียบ ชาวบ้านจากทุกสารทิศก็มากันมากมาย มาอยู่ร่วมกันอย่างกับนัดกันไว้

นี่ทำให้นึกถึงหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย นครพนม ซึ่งก็สร้างวัดสร้างบ้านในลักษณะเดียวกับหลวงพ่อพิบูลย์ คือท่านมาสร้างวัดธาตุมหาชัยก่อน แล้วจึงชวนญาติๆมาอยู่มาช่วยในระยะแรก ต่อมาก็มีชาวบ้านมาอยู่มากขึ้น จนทุกวันนี้กลายเป็นบ้านใหญ่ขนาดตำบล

 
เขาเล่าว่าสมัยหลวงปู่คำพันธ์มาสร้างวัดธาตุมหาชัยนั้นยังเป็นป่า และเป็นสมัยของผกค.มีอิทธิพลอยู่มาก เรียกว่าเป็นพื้นที่สีชมพู เกือบจะแดงแจ๋อยู่มะรอมมะร่อ แต่หลวงปู่ก็อยู่ได้ และสร้างวัดสำเร็จในเวลาไม่นาน

ยังมีเรื่องเล่าอีกว่า กลางวันจะมีทหารหรือตำรวจมาช่วยสร้าง กลางคืนผกค.มาช่วยสร้าง ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่

อุปสรรคของหลวงปู่คำพันธ์ ท่านก็ฟันฝ่ามาได้ไม่ลำบาก แต่กับหลวงพ่อพิบูลย์ อุปสรรคของท่านนั้นแสนเข็ญจริงๆ เป็นอุปสรรคที่แทบจะปรากฏอยู่กับท่านจนตลอดชีวิต

หลวงพ่อพิบูลย์ไม่ได้เป็นแค่พระนักพัฒนา แต่ยังเป็นนักปกครองนักบริหารจัดการที่เหลือเชื่ออีกด้วย

ครั้นสร้างวัดกับบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อพิบูลย์ก็ได้แนวคิดที่น่าสนใจคือ ท่านริเริ่มให้จัดทำธนาคารโคกระบือไว้แจกจ่ายชาวบ้าน ให้ทำมีด ทำจอบและเสียม ไว้แจกจ่ายชาวบ้านที่มาพึ่งใบบุญ และยังทำไปถึงธนาคารข้าวอีกด้วย

แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้สร้างความลำบากแสนสาหัสให้แก่หลวงพ่อพิบูลย์ เพราะเกิดเป็นเรื่องที่ทางราชการสนใจเพ่งเล็ง สงสัยว่าท่านกำลังทำอะไร และทำเพื่ออะไร

ยิ่งการครองผ้าของท่านก็เป็นแบบอย่างพระลาวในสมัยนั้น คือเป็นแบบอย่างการครองผ้าตามแบบของพระอาจารย์วิเศษ ซึ่งแตกต่างจากพระไทย ทำให้คณะสงฆ์ตั้งข้อสังเกตุและสงสัยไปด้วย

ในที่สุดก็ถูกจับ ด้วยข้อหาซ่องสุมอาวุธและผู้คนคิดการกบฏ

ถูกสอบสวน และพิพากษาโทษขั้นประหารชีวิด โดยให้นำตัวหลวงพ่อไปถ่วงน้ำที่เกาะสีชัง

7 วันผ่านไปจึงไปกู้ศพของท่านขึ้นมา ปรากฏว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์

กู้ศพจึงกลายเป็นกู้ปาฏิหาริย์

เล่ากันว่าหลังจากนั้นทุกฝ่ายก็เกิดศรัทธาในตัวท่านอย่างแรงกล้า ถึงกับนิมนต์ให้ท่านพักอยู่ที่เกาะสีชังเป็นเวลา 3 ปี

ตรงนี้ผมสงสัยว่าจะไม่ใช่การนิมนต์ แต่เป็นเรื่องที่ต้องกักขังท่านไว้ไม่ให้มีอิสระ ด้วยแม้ว่าประหารไม่ตาย ท่านยังเป็นนักโทษมีความผิด จำต้องขังเอาไว้ก่อนเพื่อสังเกตพฤติกรรม หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ จนกระทั่ง 3 ปีผ่านไป จึงตัดสินใจปล่อยตัวท่านกลับวัดพระแท่น

เมื่อกลับถึงวัดพระแท่น ชาวบ้านดีอกดีใจกันใหญ่ แห่กันมาสมโภชรับขวัญกันใหญ่โต และพากันตกลงปลงใจร่วมกันบวชชีพราหมณ์ ถวายหลวงพ่อพิบูลย์เป็นจำนวนมาก

เป็นเรื่องอีกแล้วครับ

คณะสงฆ์บอกว่า บวชชีพราหมณ์นั้นผิดกฎระเบียบของคณะสงฆ์

ตกลงให้คุมตัวหลวงพ่อพิบูลย์ไปไว้วัดโพธิสมภรณ์ คือเอาไว้กับเจ้าคณะมณฑลอุดรธานี และถูกบังคับให้สึก แต่ท่านไม่ยอมสึก จึงได้แต่ห้ามไม่ให้ท่านออกบิณฑบาต และงดการให้อาหาร ทำนองว่าจะบีบให้ท่านอยู่ไม่ได้ ทว่ากลับกลายเป็นราษฎรแถวนั้นเกิดศรัทธา นำข้าวของเงินทอง รวมทั้งอาหารมาถวายท่านถึงในวัดโพธิสมภรณ์อย่างเนืองแน่น

ท่านจึงอยู่ได้ และคณะสงฆ์ก็จำต้องปล่อยวาง ให้ท่านอยู่ของท่านไปไม่ว่าอะไร

เรื่องของพระกับพระด้วยกัน ยังไงก็ต้องมีวิถีแห่งธรรมมาประสานความแตกแยก แต่เมื่อหลวงพ่อยังถือว่าทำผิดกฎระเบียบ ก็ยังคงต้องกักตัวท่านไว้ตามความผิดที่เชื่อว่าท่านมีต่อไป

หลวงพ่อพิบูลย์ถูกคุมตัวอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ 15 ปี

ระหว่างอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ หลวงพ่อพิบูลย์ได้สร้างกุฏิไว้ที่วัดโพธิสมภรณ์ 55 หลัง ฉางข้าวอีก 2 หลัง( ยุ้งข้าว ) ท่านทำเช่นนี้ได้ก็เนื่องจากว่า มีลาภสักการะมาก จากชาวบ้านแถวนั้นและจากที่อื่นนำมาถวาย จนกระทั่งเหลือปัจจัยพอที่จะส่งไปช่วยวัดพระแท่น และชาวบ้านของท่าน โดยนำไปซื้อโคกระบือนำไปแจกจ่ายชาวบ้านที่วัดพระแท่นตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ถูกคุมตัวไว้ในวัดโพธิสมภรณ์

ดูๆไปแล้วหลวงพ่อพิบูลย์ก็ไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไรในการถูกคุมตัว จะขัดข้องอยู่บ้างก็แต่เรื่องออกจากวัดไปไหนมาไหนตามอำเภอใจไม่ได้

การไม่ได้ออกจากวัด ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเดือดร้อนของพระแต่อย่างใด ดูแค่เจ้าคุณนรฯ ท่านคุมตัวท่านเองไว้ในวัดเทพศิรินทราวาสจนมรณภาพ หลวงปู่ดู่ วัดสะแกก็เช่นกัน ไม่ต้องมีความผิดให้ใครมาคุมตัว ท่านก็คุมตัวท่านเอง คุมด้วยธุดงควัตรข้อหนึ่ง

จึงเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่า หลวงพ่อพิบูลย์ไม่มีความอึดอัดขัดข้องอะไรเลยตลอดเวลา 15 ปี

 
 
——————————————-~@~——————————————-
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 560 วันที่ 1 พฤษภาคม 2549
——————————————-~@~——————————————-
แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน