8/ นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล

ก่อนที่หลวงปู่พรหมาจะจากไป ได้ฝากตำราวิชานี้ไว้กับพ่อใหญ่จำปาเพื่อเอาไว้ถวายหลวงปู่คำพันธ์ ซึ่งหลวงปู่พรหมาท่านคงพิจารณาแล้วเห็นว่า พ่อใหญ่จำปาเป็นคนซื่อตรง ไว้วางใจได้ และยังเป็นผู้ที่ไม่รู้หนังสือ เมื่อฝากตำราไว้กับพ่อใหญ่จำปา ก็มั่นใจได้ว่าจะไม่รู้จักว่าเป็นหนังสืออะไร

หลังจากพ่อใหญ่จำปาได้ถวายตำราที่หลวงปู่พรหมาฝากไว้ให้หลวงปู่คำพันธ์แล้ว ในพรรษาปีถัดมาหลวงปู่คำพันธ์จึงอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านม่วงเพื่อศึกษาเล่าเรียนวิชาจากตำรา อีกทั้งทบทวนข้อศึกษาอบรม แนะนำที่ได้รับจากหลวงปู่พรหมาอย่างตั้งอกตั้งใจและเอาจริงเอาจัง

ตำราเล่มนี้มีชื่อว่า วิชา 32 ธนู ซึ่งแค่เรียนได้เพียงธนูใดธนูหนึ่งก็สามารถแสดงฤทธิ์เหนือธรรมชาติได้อย่างน่าอัศจรรย์

เล่ากันว่าตลอดพรรษา หลวงปู่พรหมากับพ่อใหญ่ำปาได้ทดลองวิชากันในหลายลักษณะ โดยเฉพาะวิชาธนูหินและธนูไฟที่หลวงปู่คำพันธ์ได้สอนให้กับพ่อใหญ่จำปานั้นเป็นที่เลื่องลือกันมาก

พ่อใหญ่จำปาสามารถใช้ฝ่ามือตบใส่ต้นไม้ใหญ่ ๆ เพียงครั้งเดียว ต้นไม้นั้นก็โค่นล้มลงมา

หรือกำถ่านไฟที่กำลังลุกแดงไว้ในมือจนกระทั่งไฟถ่านมอดดับคามือโดยไม่เป็นอะไร

เรียกว่าวิชาธนูหิน และธนูไฟ ซึ่งอยู่ติดตัวพ่อใหญ่จำปาจนตลอดชีวิต

แต่แปลกที่พ่อใหญ่จำปาไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้ให้กับใครเลย แม้กระทั่งหลวงพ่อผายซึ่งเป็นลูกชายของพ่อใหญ่จำปาเอง

หลวงพ่อผายเล่าว่า เคยขอเรียนกับพ่อใหญ่จำปา แต่ท่านไม่สอน กลับบอกว่า ถ้าเจ้าอยากเรียนให้ไปขอเรียนกับหลวงปู่คำพันธ์เท่านั้น เพราะท่านเป็นผู้เดียวที่จะพิจารณาว่าควรสอนหรือไม่สอนใคร

ทำไมจึงอยากเรียน

ทีแรกไม่คิดอยาก ไม่เคยรู้ว่าพ่อของอาตมาจะมีวิชาอาคมดี เห็นแค่เป็นคนแก่คนเก่าของหมู่บ้าน แต่วันหนึ่งก็เกิดเหตุ

หลวงพ่อผายเล่าว่า สมัยนั้นยังไม่ทันบวช ยังเป็นฆราวาส พ่อใหญ่จำปาชวนไปตัดไม้มาปลูกเรือน หลวงพ่อผายกำลังเอาขวานฟันต้นหนึ่งซึ่งไม่ใหญ่นัก คือ ราวโคนขาของคนเรา ยังฟันไม่ขาด ข้างหลังก็มีไม้ขนาด 1 คนโอบล้มตึงลงมา

เห็นพ่อใหญ่จำปายันอยู่ตรงนั้นด้วยมือเปล่า ๆ แถมยังคุยเขื่องอีกด้วย

ต้นที่ลูกกำลังโค่นนั้น พ่อแค่เอานิ้วดีดก็ล้มแล้ว

หลวงพ่อผายจึงเกิดอัศจรรย์ในพ่อของท่านเอง แต่เมื่อไปขอเรียนกับหลวงปู่คำพันธ์ก็ได้รับคำปฏิเสธไม่สอนให้

ปัจจุบันหลวงพ่อผายพำนักอยู่วัดบ้านม่วง ส่วนพ่อใหญ่จำปาเสียชีวิตไปก่อนหลวงปู่คำพันธ์นานแล้ว

ในสมัยที่หลวงปู่คำพันธ์ศึกษาวิชา 32 ธนู และทดลองวิชากับพ่อใหญ่จำปานั้น กล่าวกันว่าไม่ใคร่มีใครได้เห็นหลวงปู่แสดงฤทธิ์ แต่พ่อใหญ่จำปานั้นคนเห็นกันมาก

กระนั้นก็ยังมีครั้งหนึ่งซึ่งสามเณรทองและสามเณรสมาน (ขณะ พ.ศ. 2515-2516) ได้ประสพและไม่เคยลืมจนตลอดชีวิต จนกระทั่งได้เล่าให้ลูกหลานฟังสืบต่อกันมา

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน