พิธีประกอบมวลสารนาคาธิบดีศรีสุทโธ
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2550 ที่ผ่านมา ได้มีการประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับมวลสาร 15 อย่าง สำหรับการสร้างนาคาธิบดีศรีสุทโธ หรือพญานาครุ่น 2 ซึ่งจะได้แสดงรายละเอียดของพิธีกรรมนั้นตามสมควร
สถานที่ประกอบพิธีคือ วัดเปงจานนคราราม กิ่งอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย โดยที่วัดนี้มีภูมิสถานเหมาะควรแก่การประกอบพิธีเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในบริเวณที่ตั้งดั้งเดิมของนครโบราณที่เรียกว่า เปงจานนคร มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี
ตามประวัติ หรือตำนานกล่าวว่า นครโบราณนี้สร้างขึ้นโดยพญานาค จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า นครเปงจานนาคราช
ทราบว่าก่อนหน้านี้ วัดเปงจาน ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับพญานาคมาหลายครั้ง หลายวาระ หลายกลุ่ม หลายคณะบุคคล รวมทั้งคณะของนาคาธิบดีศรีสุทโธนี้ด้วย
ความตั้งใจในการประกอบพิธีนี้อย่างเงียบ ๆ ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่ามีผู้ทราบข่าวมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวบ้านผู้เชื่อถือศรัทธาในพญานาค ตลอดจนร่างทรงและหมอธรรมหลายท่าน ไม่ได้มาเพื่อก่อกวนพิธี แต่มาในลักษณะของผู้สังเกตการณ์
จะเห็นได้ว่าหลังพิธีเสร็จสิ้นพวกร่างทรงและหมอธรรม ซึ่งไม่เคยรู้จักท่านเดชโอภาส ซึ่งเป็นเจ้าพิธี ได้เข้ามาขอทำความรู้จักและแสดงความเลื่อมใส ถึงกับชักชวนเชื้อเชิญให้ข้ามแม่น้ำโขงไปทำพิธีแปลกๆ ในประเทศลาว
การประกอบพิธีกรรมวันนั้นโดยส่วนตัวของผมแล้วรับว่ามีความกังวล เกรงว่าพิธีอาจผิดพลาดล้มเหลว เนื่องจากพระเดชพระคุณ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ได้เคยกำชับแล้วกำชับอีกว่าต้องทำโดยระมัดระวังอย่าให้ผิดพลาด หาไม่จะเกิดอันตรายแก่ผู้ประกอบพิธี ซึ่งก็คือตัวของท่านเดชโอภาสเอง
ในที่สุดเมื่อพิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ผมก็ถอนใจโล่งอก พ้นจากอาการระทึกในหทัย โดยปริยาย
พิธีประกอบมวลสารนาคาธิบดีศรีสุทโธในวันนั้น เกิดปรากฏการณ์แปลก ๆ ทั้งโดยธรรมชาติและผิดธรรมชาติ ที่น่าสนใจควรบันทึกเอาไว้
ก้าวแรกที่เข้าไปในเขตวัดเปงจาน มีฝนโปรยเบา ๆอยู่ชั่วครู่ก็หยุด
ผู้เป็นมงคลตื่นข่าวง่าย ๆ ก็พากันเอะอะว่าเป็นการทักทายของอำนาจลี้ลับบางอย่าง
แต่ผมกลับเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ฝนตกแดดออกจะเป็นเรื่องพิสดารตรงไหน
ครั้นตกบ่ายวันที่ 25 ก.พ. ประมาณเวลาบ่าย 2 โมง ท้องฟ้าที่แจ่มใสก็กลับตาลปัตรอย่างฉับพลันทันใด
อกาลเมฆมืดทมึนปรากฏอย่างรวดเร็ว ปกคลุมเต็มท้องฟ้า ทั้งฟ้าแลบฟ้าร้องดังสะเทือนอยู่ทุกระยะ แล้วก็ปรากฏลมพายุรุนแรงพัดกระหน่ำต่อเนื่องอยู่ราว 2 ชั่วโมง
ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า พายุร้อนฤดูนี้เกิดขึ้นอย่างปุบปับฉับพลันจริง ๆ โดยเกิดหลังจากคณะผู้ประกอบพิธีนำโต๊ะสำหรับตั้งเครื่องบัดพลีบวงสรวงไปวางในตำแหน่งที่กำหนดเอาไว้
เรียกว่าแค่ตั้งโต๊ะพิธี พายุฝนก็กระหน่ำใส่โดยพลันไม่ทันตั้งตัว
โชคดีที่แค่ตั้งโต๊ะ ยังไม่ทันได้ยกเครื่องบัดพลีไปวาง หาไม่คงพินาศหมด
น่ากลัวนะครับ
เสียงลมที่พัดอื้ออึง ทั้งฟ้าร้องอย่างต่อเนื่อง ทำให้ใจสั่นระทึกได้
2 ชั่วโมงผ่านไป ลมจึงสงบ ฟ้าใสสว่างเป็นปกติ
มีข่าวตามมาหลังพายุฝนว่า เกิดไฟฟ้าดับทั้งอำเภอ และต้นไม้หักระเนระนาด รอบๆ สถานที่ประกอบพิธี
พวกชาวบ้านเริ่มโจษจันกันอื้ออึงไปต่าง ๆนานา
ส่วนผมได้เข้าสู่อาการโล่งใจ เพราะเหตุว่า หากพายุฝนไม่หยุดกระหน่ำ มีหรือจะสามารถประกอบพิธีตามฤกษ์ได้
การประกอบพิธีนั้นทำ 2 รอบ คือ กลางวันครั้งหนึ่ง และกลางคืนอีกครั้งหนึ่ง
ฤกษ์ตอนกลางคืนนั้นสำคัญที่สุด กำหนดเอาไว้จะเริ่มพิธีเวลา 19.37 น.
ก่อนพิธีจะเริ่มประมาณเวลา 19.00 น. ตรง เกิดลมกรรโชกแรงพัดมาจากต้นแม่น้ำโขง ลมพัดขนาดน้อง ๆพายุ แต่แปลกที่ลักษณะของลมนั้นพัดมาเป็นลูก เหมือนเราเอาพัดลมขนาดใหญ่ไปตั้งไว้ที่กลางแม่น้ำ
ขณะนั้นฟ้าที่ใสจนดาวขึ้นก็ปรากฏเมฆดำค่อย ๆแผ่เข้ามาปกคลุมจนมืดมิดไปหมด ไม่เห็นแม้ดวงพระจันทร์
ความกังวลก็เกิดขึ้นอีกแล้ว
ลมแรงขนาดนี้จะจุดธูปจุดเทียนได้อย่างไร
19.30 น. ลมก็สงบลงอย่างน่าแปลกใจ ด้วยเหตุว่าลมซึ่งพัดมาจากแม่น้ำโขงนั้น เป็นลมที่พัดเรื่อย ๆ สม่ำเสมอตลอดเวลา มีทีท่าว่าจะพัดกันเรื่อยไปไม่สิ้นสุด อาจพัดกันตลอดคืนยันรุ่งก็ได้ใครจะรู้
19.37 น. จุดธูปเทียนเริ่มพิธีได้ตามฤกษ์และตลอดพิธีตั้งแต่ 19.37 – 20.00 น. ไม่มีลมเลย
ลมสงบแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดดำด้วยเมฆปกคลุมอยู่ตลอดฟ้า แลเห็นฟ้าแล่บอยู่ไกลตรงปลายฟ้าเป็นระยะ ๆ
เมื่อพิธีเริ่มตามฤกษ์แล้ว มีปรากฏการณ์แปลก และสวยงามเกิดขึ้นบนท้องฟ้า คือบริเวณท้องฟ้าเหนือหัวของสถานที่ประกอบพิธี เมฆเปิดตัวออกเป็นช่องขนาดใหญ่ ทำให้ฟ้าเหนือวัดเปงจานสว่างนวลด้วยแสงจันทร์ มีเมฆเป็นริ้วๆ ลอยผ่านช้าๆ สวยงามมาก ในขณะที่รอบ ๆนั้น เมฆยังคงดำทมึนมืดมิดตลอดจนสุดปลายฟ้าทุกทิศ และยังคงมีฟ้าแล่บปรากฏอยู่ตลอดเวลาเช่นเดิม
อยากให้ได้เห็นด้วยตาตนเอง ฟ้าตอนนั้นสวยงามจริง ๆ
พิธีผ่านไป อย่างสงบเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ที่เฝ้าหวังจะรอสัมผัสเหตุการณ์แปลกๆ รู้สึกจะผิดหวังกันไปหมด
จนกระทั่งเสร็จพิธีเวลา 00.00 น. (6 ทุ่ม) ท่านเดชโอภาสนำเครื่องบัดพลีทั้งหมดทิ้งลงแม่น้ำโขง เครื่องบัดพลีก็ลอยตามกระแสน้ำไปทีละชิ้นตามปกติ
ตอนนี้แหละครับเกิดเหตุแปลกประหลาดขึ้น จนผู้มาร่วมพิธีพากันวิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา อีกครั้ง
มีกระทง 2 ใบ เรียกว่าเป็นกระทงพญานาค หรือบายศรีพญานาค เป็นกระทงใหญ่หนัก และกว้างยาว ด้านละประมาณ 1 เมตร ต้องปล่อยลงน้ำเป็นรายการสุดท้าย
กระทงใบแรกลงน้ำก็ลอยลิ่วไปตามกระแสน้ำทันที
ลอยอย่างรวดเร็ว
แซงหน้าเครื่องบัดพลีที่ปล่อยลงไปก่อนอย่างน่าแปลก จนกระทั่งหายลับไปจากสายตา
กระทงใบที่ 2 แปลกหนักกว่านั้น
พอปล่อยลงน้ำ กลับลอยช้า ๆ อ้อยอิ่งออกไปสัก 10 เมตร แล้วก็ลอยโค้งกลับย้อนกระแสน้ำมายังจุดปล่อยกระทงเหมือนเดิม
เข้าใจว่ากระทงใบนี้อาจไปเจอกระแสน้ำวนจึงลอยกลับมา
ท่านเดชโอภาสเอาไม้ไผ่ขนาดยาว ค้ำยันกระทงส่งออกไปจากฝั่งอีกครั้ง
กระทงก็ลอยกลับมาอีก
ทำเช่นนี้อยู่ 4 ครั้ง
กระทงก็กลับมา ไม่ไปไหน
จึงจำเป็นต้องปล่อยเอาไว้ตรงนั้น
เรื่องน่าคิดคือ ทั้งเครื่องบัดพลี และกระทงพญานาค 2 ใบ ปล่อยลงน้ำในตำแหน่งเดียวกัน
เครื่องบัดพลีลอยไปตามกระแสน้ำตามปกติ
กระทงใบแรกลอยลิ่วแซงเครื่องบัดพลีไปอย่างไม่ปกติจนหายลับไปจากสายตา
กระทงใบที่ 2 ลอยกลับมาที่เก่าไม่ยอมไปไหน
ฟังกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวบ้านที่มาร่วมพิธี กล่าวตรงกันว่า กระทงใบแรกนั้น พวกเหล่าพญานาคที่มาร่วมพิธีเขาพากันกลับไปก็เอากระทงไปด้วย
ส่วนกระทงใบที่ 2 พญานาคผู้เป็นใหญ่ในสถานที่นั้นเอาไว้เอง
จริงเท็จไม่ทราบ, เขาวิจารณ์กันอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม พิธีประกอบมวลสารตามศาสตร์วิชาที่หลวงปู่คำพันธ์ ประสิทธิประสาทไว้ให้ก็ลุล่วงไปด้วยดี
หลังจากนี้เป็นเรื่องการนำมวลสารมาประกอบเป็นรูปนาคาธิบดีศรีสุทโธ ตามแบบร่างที่ลงไว้ให้ดูอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็จะถึงขั้นตอนการสถาปนาอิทธิคุณต่อไป
หมายเหตุ
คาถาบูชาพญานาคคาถาที่ถูกต้องมีดังนี้
ปัจฉิมรัสมิง ทิศาภาเค สันตินาคา มหิทธิกา เอติตุมเห อนุรักขันตุ อโรคะเย นะสุเขนะจะ
_____________________
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ปีที่…. ฉบับที่….