สองสังฆราชแห่ง 1 ทศวรรษศักดิ์สิทธิ์



ฉลองอายุคนครบ 10 ปีก็งั้น ๆ แหละครับ แต่กับอายุหนังสืออก รายประจำมาครบ 10 ปีนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
ปัจจัยง่าย ๆ ที่ทำให้หนังสือมีอายุยืนนานถึง 10 ปีคือผู้จัดทำ และผู้อ่าน

มีอยู่ 2 อย่างเท่านั้น

ผู้จัดทำไม่สุกเอาเผากินไม่เอาเปรียบผู้อ่าน ไม่ดูถูกภูมิปัญญาผู้อ่าน ไหนเลยผู้อ่านทั้งหลายจะทอดธุระวางเฉยต่อหนังสือเล่มนั้น (ก็เลยกลายเป็นหนังสือขายดีไป)

เรื่องหนี้บุญคุณก็ต้องเกิดกันตอนนี้

ผู้จัดทำเป็นหนี้ ผู้อ่านเป็นเจ้าหนี้ว่างั้นเถิด

พูดไปแล้วก็เหมือนออเซาะเอาคะแนนกับผู้อ่านทุกท่าน

ศักดิ์สิทธิ์ทำการใช้หนี้ 10 ปีผู้อ่านเป็นงานใหญ่ ลำบากยากเข็ญมานานตลอดเวลาหลายเดือน

ถึงกับทำตัวเป็นนักเดินทางตะลอนออกไปใต้ที เหนือที อีสานที ตะวันออกที ตะวันตกอีกที ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะได้เกิดของศักดิ์สิทธิ์มาใช้หนี้ผู้อ่าน (ตระเวนปลุกเสก)

ก็เหรียญสองสังฆราชนั่นไงครับ

ไม่ใช่แต่ท่านเจ้าของและผู้จัดการหนังสือศักดิ์สิทธิ์จะเป็นหนี้ท่านผู้อ่าน ฝ่ายเดียวก็หาไม่ ทุกคนที่ทำงานให้ศักดิ์สิทธิ์ล้วนรับสภาพหนี้กระจายจนทั่วถึงกัน

ผมก็ได้ใช้หนี้ผู้อ่านด้วยการก้มงุด ๆ เข้าไปกราบแทบเท้าหลวงปู่ครูบาอาจารย์หลายองค์ ขอให้ท่านลงแผ่นทอง เงิน นาก เพื่อเป็นชนวนในการสร้างของศักดิ์สิทธิ์เป็นพัลวัน

เหนื่อยแต่สบายใจดี

ยิ่งเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างลุล่วงไปโดยสมบูรณ์ ทั้งงานสร้างเหรียญและเสกเหรียญก็ยิ่งอิ่มใจไม่พอ

นี่ไม่ใช่ของจะเอามาคุยโม้นะครับ

ถ้าติดตามอ่านรายงานข่าวความเคลื่อนไหวในการสร้างเหรียญและเสกเหรียญจากคุณ สุวิทย์ เกิดพงษ์บุญโชติ ก็จะเห็นด้วยกับผมว่าเหรียญนี้ดีอย่างไร

เป็นพระเครื่องดีไม่ต้องสืบให้ยากเลย

แหล่งบูชาเหรียญก็ไม่ต้องไปหาให้ไกลตัว แค่ซื้อหนังสือเล่มที่กำลังถือกันในมือนี้ก็มีเหรียญดีไว้เป็นสิริมงคลแก่ตัวแล้ว

อยากบอกว่าแม้เหรียญนี้จะสร้างขึ้นเพื่อแจกฟรีแก่ผู้อ่าน ก็หาใช่จะเอาของอะไรไม่รู้มาแจก ทุกสิ่งทุกย่างที่มีขึ้น เกิดขึ้นกับเหรียญสองสังฆราชนี้ ล้วนเป็นมงคลอันยิ่งใหญ่ที่พวกเราทุกคนภูมิใจ พอใจจนมองหน้ากันแล้วก็คุยแต่เรื่องเหรียญนี้

คุยแล้วก็ทำหน้าอิ่มบุญ

อยากเห็นว่าหน้าอิ่มบุญเป็นยังไงให้มาดูท่านผอ.กมลเถอะ แต่ถ้าเห็นหน้าคุณสุวิทย์ก่อนก็ใช้ได้เหมือนกัน

บุญอะไรก็ไม่รู้อิ่มได้อิ่มดีจริงจริ๊ง

ผมไม่รู้ว่าแผงหนังสือใกล้บ้านท่านสถานการณ์ปกติดีหรือไม่อย่างไร แต่แผงใกล้บ้านผมแปรสภาพเป็นแหล่งรับจองเหรียญสองสังฆราชไปแล้ว

จองกันนานเป็นเดือนเป็นสัปดาห์เชียวหนา

เจ้าอู๊ด หนองบัว ถือดีว่าเป็นเพื่อนซี้กับผมก็เข้ามาทำท่าตีสนิท จะบี้เหรียญสองสังฆราชกับผม เพราะมันมีความเข้าใจว่าผมเขียนหนังสืออยู่กับศักดิ์สิทธิ์ ไง ๆก็ต้องได้เหรียญรุ่นนี้เป็นกระบุง

ผิดถนัด

ผมตอกหน้ามันว่า “ข้าเองก็ยังไม่อาจหยั่งรู้อนาคตของข้าเองเลย”

ผมพูดจริงนะครับ

ดูแค่ผ้ายันต์ปู่โต งวดที่แจกไปเร็ว ๆนี้

ผมได้มาแค่สองผืนเท่านั้น

ผืนแรกผมต้องควักกระเป๋าซื้อหนังสือเอง 1 ฉบับ ผืนที่สอง ผอ.กมลแคะออกมาให้อย่างยากลำบากที่สุด

ท่านว่าหมดแล้ว มีเหลือให้ผมแค่ผืนเดียว, เศร้าชมัด

แล้วจะให้ผมหวังอะไรกับอนาคตของเหรียญสองสังฆราช

เจ้าอู๊ดก็หัวไวใจถึ งมันแจ้นเข้าไปร้านหนังสือเจ้าประจำจองหนังสือศักดิ์สิทธิ์ฉบับครบรอบ 10 ปี คนเดียว 15 ฉบับ

จะเอาเหรียญ

คนมีญาติมากเป็นอย่างนี้ทุกคน

ก็นี่แหละครับ แผงหนังสือที่กลายเป็นหน่วยจองเหรียญ

ผอ.กมลบอกผมว่าได้พิมพ์หนังสือฉบับนี้ไว้มากกว่า 1 แสนเล่ม ซึ่งฟังแล้วก็ยังไม่อุ่นใจพอ คงต้องมีอีกหลายท่านที่ชวดไปบ้าง แสนฉบับแสนเหรียญไม่มากเลยสำหรับโอกาสพิเศษอย่างนี้

ทนายขอดเพื่อนผมก็บอกว่าจองไว้ 3 เล่ม จ่ามาดหัวหน้าค่ายไก่ชน ส.ส่งเสริมกะชนะเดิมพันไอ้แข้งพระกาฬ คงได้เงินไปจ่ายค่าจองหนังสือ จ่านพดลผู้จัดรายการธรรมเทศนาประจำวันพระสถานีวิทยุ วปถ.6 อุบลฯ ซื้อศักดิ์สิทธิ์ทุกงวด งวดละหนึ่งเล่ม และสำหรับเล่มนี้ยังคาดไม่ถูกว่าลงชื่อจองไว้เท่าไร

อย่างไรก็ตาม ผมพูดได้แค่ว่าตัวใครตัวมันเด้อ

กระทั่งตัวผมเองยังไม่รู้ว่าอนาคตจะออกมารูปไหน เข้าใจว่าไม่แคล้วเหมือนผ้ายันต์ปู่โต สังหรณ์ของผมค่อนข้างแม่นซะด้วย

จะให้ผมไปจองหนังสือศักดิ์สิทธิ์กับหน่วยจองข้างบ้านมั่งก็ดูจะเสียเหลี่ยมไปหน่อย

ลุ้นเอาแค่สักเล่มเดียวก็พอหรอก

ถ้าผิดจากนี้

ผมจะไปบี้เจ้าอู๊ด หนองบัว

มันจองไว้ตั้ง 15 เล่มนี่ครับ

———————————————————————–
งานเขียนของคุณอาอำพล เจน จากหนังสือศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 222
วันที่ 1 เม.ย.2535
———————————————————————–
แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน