ควันหลงเหรียญพระแก้ว ปี 75
ควันหลงเหรียญพระแก้ว ปี 75
คงต้องบอกอย่างไม่สบายใจสำหรับผู้ที่ไปบูชาเหรียญพระแก้วปี 2475 แล้วไม่สมหวัง เพราะว่าหลังจากหนังสือศักดิ์สิทธิ์แจ้งข่าวเรื่องนี้แล้วเหรียญพระแก้วก็ หมดไปจากวัดพระแก้วภายใน 1 สัปดาห์!
ที่ผมสัญญากับผู้อ่านว่าวันเหมาะ ๆ จะเอาข้อมูลที่แน่ชัดและละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับเหรียญพระแก้วมาว่ากัน อีกรอบ ข้อมูลที่กำลังรอคอยนั้น ท่านอาจารย์ประโยชน์คณบดีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับปากผมว่าจะเอามาให้ เป็นอันไม่ต้องว่ากันแล้วกระมัง ก็หมดเกลี้ยงจากวัดแล้วนี่ไง
แต่บอกได้อย่างค่อนข้างชัวร์ป้าดว่ารายชื่อคณาจารย์นั่งปรกปลุกเสกเหรียญพระ แก้วปี 2475 ที่ได้ลงตีพิมพ์ไปแล้วนั้นถูกต้อง (99.99 เปอร์เซ็นต์) เพราะว่าท่านอาจารย์พจมาน วิทยาลัยนาฏศิลป์ซึ่งรับธุระจะไปตรวจสอบ ได้ตอบมาแล้วว่ารายชื่อทั้งหมดนั้นไม่น่าผิด ทางสำนักงานวัดพระแก้วแสดงหลักฐานที่เห็นว่าเชื่อถือได้มากที่สุด พิธีที่มีรายชื่อครูบาอาจารย์สำคัญจนขนลุกนั้น เป็นพิธีของเหรียญพระแก้วมรกตปี 2475 อย่างไม่ต้องสงสัย
ใครไม่รู้ว่ารายชื่อนั้นมีอะไรอย่างไร ต้องกลับไปเปิดหนังสือศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่เพิ่งผ่านไปเร็ว ๆ นี้ดูกันเอาเอง (ฉบับที่ 220)
อาจารย์ทวีพร ทองคำใบ ศูนย์พัฒนาหนังสือกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเพิ่งจะแยกจากกันไปไม่กี่วันมานี้ก็ได้รายงานข่าวแก่ผมว่า ชาวไปรษณีย์เมืองนนท์ทราบเรื่องเหรียญพระแก้วมรกตนี้ก็สนใจกระตือรือร้นรวบ รวมเงิน ได้ร่วมหมื่นเพื่อจะเอาไปบูชาเหรียญพระแก้วคราวเดียวจะได้เอามาแบ่งกันเองที หลัง ไม่ต้องไปกันทีละคน ปรากฏว่าพอไปถึงวัดพระแก้วก็ได้รับคำตอบว่า “หมด” กลับบ้านแทนพระ
คนที่กระทรวงศึกษาก็วิ่งมาถามอาจารย์ทวีพรถึงเรื่องเหรียญพระแก้ว เพื่อหาความแน่ใจก่อนบูชา ซึ่งอาจารย์ทวีพรก็ให้ความแน่ใจว่าไม่ต้องไปเอาแล้วหมดไปแล้วล่ะคร๊าบ
หมด!
คำตอบที่ชวนเศร้า
ผมก็เป็นคนที่เศร้ากับทุกท่านที่อดเหมือนกัน เพราะว่าผมเองเป็นผู้เขียนเรื่องนี้ก็ยังไม่มีโอกาสไปกักตุนเหรียญพระแก้วไว้กับเขาบ้าง
ที่มีอยู่กับตัว 2 เหรียญ เอามาเลี่ยมประกอบกันโดยหันด้านหน้าเหรียญออกทั้ง 2 ด้าน ก็ต้องแกะออกแบ่งให้เพื่อนสุดตื๊อไป
ยังดีนะครับที่อุตส่าห์มีกับเขาได้เหรียญหนึ่ง
นึกถึงตอนที่ได้เหรียญพระแก้วนี้มาก็ยิ่งนึกหวงขึ้นติดหมัด
ตอนนั้นเพื่อนผมมาจากต่างประเทศ มันเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว ชื่อไบรอัน อาชีพอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยในลอสแองเจลิส อเมริกา มันเป็นคริสต์ แต่อยากรู้จักวัดพระแก้ว เพราะว่าวัดพระแก้วเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติกันทั้งนั้น ผมก็พาไป และวางแผนจะไปบูชาเหรียญพระแก้วด้วย
ตอนก้าวข้ามธรณีประตูวัดซึ่งเขาแบ่งเป็นช่องสองช่อง ช่องแรกให้คนต่างชาติเข้า เป็นช่องที่จะต้องเสียค่าผ่านประตู ดูเหมือนจะ 100 บาท ผมให้ไบรอันจ่ายเอง ส่วนอีกช่องหนึ่งสำหรับคนไทยผ่านเข้าไปซึ่งไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู
ผมเดินเหยียบธรณีประตูเข้าไป
ธรณีประตูก็คือขอบประตูด้านล่างที่ทำยกสูงขึ้นเป็นคันนานั่นแหละครับ
พอเหยียบเข้าก็โดนว้าก
สุภาพสตรีที่นั่งดูแลอยู่ตรงนั้นเสียงเขียวใส่ผมว่า เป็นคนไทยทำไมไม่รู้จักธรณีประตู เหยียบเข้าไปได้ยังไง
ผมก็เสียใจเท่านั้น
รับปากกับเขาว่าต่อไปจะระวังเรื่องธรณีประตู เพราะว่าผมไม่อยากเป็นคนต่างชาติ อยากเป็นคนไทย
เลยจำแม่นเรื่องธรณีประตูจนเดี๋ยวนี้
ผมพาไบรอันเข้าไปในพระอุโบสถวัดพระแก้ว แค่หวังจะให้มันได้เห็นเท่านั้น ไม่หวังว่ามันจะเคารพนับถืออะไรหรอกครับ ส่วนผมเข้าไปกราบพระแก้ว อธิษฐานบอกท่านว่าผมมาแสดงสักการะบูชากราบไหว้ท่านโดยเคารพ และขอขมาเรื่องธรณีประตูด้วย ถ้าท่านเกี่ยวข้องก็ยกโทษให้ผมด้วย ถ้าท่านไม่เกี่ยวข้องก็ช่วยบอกเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องยกโทษให้ผมด้วย
ที่เหลือเชื่อคือผมเห็นไบรอันมันงก ๆ เงิ่น ๆ ก้มกราบพระแก้วมรกต โดยที่ผมไม่เห็นฝรั่งคนอื่นกราบสักคน
ไบรอันกราบไม่เป็นด้วยซ้ำ กราบไม่ถูกวิธี มันนั่งคุกเข่าแบบที่เราเคยเห็นฝรั่งคุกเข่าเวลาพูดกับพระเยซู แล้วก้มลงกราบแบบก้นกระดกไม่ติดส้นเท้า
ผมเห็นความตั้งใจกราบของมันแล้วก็ชื่นใจ
ฝรั่งคนอื่น ๆ มองดูมันอย่างแปลกใจแปลกตา
แม้จะชื่นใจแต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นธรรมดาของมัน ซึ่งจะหลิ่วตาตามเมืองตาหลิ่ว
ต่อจากนั้นก็โอ้ ๆ เอ้ ๆ ดูโน่นชมนี่จนเวลาล่วงเข้าบ่ายสามครึ่ง ก็ได้โอกาสจะไปบูชาเหรียญพระแก้ว ผมก็เข้าไปในสำนักงาน เจ้าหน้าที่กำลังนับเงิน ทำบัญชีเงินได้อยู่บนโต๊ะซึ่งมีเหรียญพระแก้ววางอยู่ถุงหนึ่ง ผมบอกเขาว่ามาขอบูชาเหรียญพระแก้ว เขาเงยหน้าขึ้นแล้วบอกว่า ปิดแล้วพรุ่งนี้มาใหม่
เลยต้องเดินหน้าเศร้าออกมา
ระหว่างเดินออกมาหน้าเศร้า ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่นอกสำนักงานวัดพระแก้วท่านหนึ่งปรี่เข้ามาถามว่า มาบูชาเหรียญพระแก้วใช่ไหม ผมว่าครับ แต่ปิดแล้ว
เขาไม่ถามไถ่อะไรอีกว่าผมจำเป็นต้องบูชาหรือไม่อย่างไร ก็ใจดีรุนหลังผมกลับเข้าสำนักงานอีก ผมเห็นเขาวิ่งไปที่โต๊ะพูดอะไรไม่ทราบ แต่เห็นกิริยาของเจ้าหน้าที่นั่งโต๊ะไม่โอเคด้วย แต่เขาก็ยังกลับออกมาบอกผมเข้า “ไปซีครับ ไปพูดกับเขา”
เอาก็เอาสิ
ผมบอกเจ้าหน้าที่ท่านนั้นว่าขอบูชาเถิดครับ เพราะว่าอยู่ไกลมากพรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านนอกแต่เช้า ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีโอกาสมาถึงที่นี่อย่างนี้ได้อีก
เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่าปิดบัญชีแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมา
ไบรอันมันไม่รู้เรื่องอะไรก็เฝ้าดูอยู่อย่างงง ๆ
ผมก็บรรเลงเพลงตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ท่านนั้นใจอ่อนบอกว่าเหลือแต่เหรียญไม่สวยนะ
เท่านั้นแหละครับผมก็รู้ว่าผมมีหวังแล้ว จึงตอบแบบรถด่วนว่าไม่สวยก็เอา
เขาผลักถุงพระมาให้ผมเลือก ผมก็เลือกเอาเท่าที่จะเลือกได้เป็นจำนวน 6 เหรียญ แล้วจ่ายเงินไป เจ้าหน้าที่ท่านนั้นก็เปิดบัญชีซึ่งปิดแล้วจริง ๆ มาแก้ไขตัวเลขบัญชีใหม่ เพิ่มตัวเลขเข้าไปอีก 600 บาท
นึกขอบคุณน้ำใจของท่านและท่านที่เป็นธุระช่วยผมอีกคนหนึ่ง
ถ้ารู้จักชื่อของท่านทั้งสองก็จะออกชื่อท่านในที่นี้เป็นเกียรติ แต่จนใจที่ไม่รู้จักชื่อของท่านเลย
เมื่อได้เหรียญพระแก้วมาแล้ว ไบรอันก็สนใจซักถามผมเป็นการใหญ่ว่านี่อะไร ทำไมต้องกระตือรือร้นเพื่อให้ได้มาถึงขนาดนี้
ผมก็อธิบายหยาบ ๆ ว่านี่เป็นแอมบิวเล็ท สร้างมานานแล้วตั้ง 50 ปี เป็นของขลังศักดิ์สิทธิ์ กันมีดกันปืนและกันอุบัติเหตุได้
มันทำตาโต
“นี่ทำเป็นรูปพระแก้วในโบสถ์ใช่ไหม” ไบรอันถาม
“เออ” ผมตอบ
“ถ้าป้องกันปืนได้ คนลอสแองเจลีสควรมีไว้กับตัวทุกคน”
“งั้นเชียวรึ”
“ขออันนึง” มันขอดื้อ ๆ
มันจะศรัทธาหรือไม่ก็ตาม ผมก็ให้ พอให้มันแล้วก็ไปหาสร้อยคอมาแขวน ทำตลับใส่อย่างรวดเร็วทันใจ และผมก็เห็นมันแขวนอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งขึ้นเครื่องบินกลับอเมริกา
ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปถูกมาเฟียยิงเอาบ้างหรือยัง
ส่วนเหรียญที่เหลือก็มอบให้เพื่อนหญิงที่สุดเกรงกลัวไป 3 เหรียญ ฝากไปให้ญาติพี่น้องของเธอที่อเมริกาด้วย
ผมเก็บไว้เอง 2 และ สุดท้ายก็เหลือ 1
เมื่อได้เหรียญมาแล้วก็มาลงมือเขียนถึงเหรียญพระแก้วจนกระทั่งหมดวัดไปในที่สุด
อาจารย์ทวีพรบอกผมว่า ความจริงเหรียญพระแก้วยังมีเหลืออยู่กับวัดพระแก้วนะครับ คือเหลืออยู่ในตู้ที่แสดงตัวอย่างเหรียญให้คนบูชาอย่างละเหรียญ นิคเกิ้ล 1 ทองแดง 1 อาจารย์ทวีพร ก็ไปตื๊อจะเอา เจ้าหน้าที่ไม่เล่นด้วย
ใครมีฝีมือทางตื๊อก็ไปลับฝีมือกับสองเหรียญนั้นได้ทุกวัน
คนที่หัวเราะขบขันและถากถางผม สมน้ำหน้าผมอย่างสะใจที่สุด เพราะว่าเขียนเองแล้วอดเสียเองนั้นมีอยู่คนครับ
อีตาบัติ คลองตัน
แกว่า “กูบอกมึงแล้วอย่าเพิ่งเขียน ไปเอามาเก็บไว้ก่อนจนพอใจแล้วค่อยเขียน”
เสร็จแล้วแกก็ไปเที่ยวคุยกับคนอื่นว่าผมไม่เคยเข็ด ตั้งแต่คราวที่เขียนถึงเหรียญพุทธชินสีห์ปี 2516(ความจริงเป็นพระภปร.) พอเขียนเสร็จเหรียญพระพุทธชินสีห์ก็หมดเกลี้ยงไปจากมูลนิธิมกุฏมหาวิทยาลัย ผมเองไม่มีทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชี้บอกแหล่งบูชาแก่คนอื่น
สมน้ำหน้าตัวเองจริงจริ๊ง
(ฉบับหน้ามีแหล่งบูชาพระเครื่องหลวงปู่แหวนที่ชัวร์สุดขีด ใครอ่านก่อนรีบไปก่อน คราวนี้รับรองผมต้องตุนไว้ก่อนแน่ ๆ)
งานเขียนของคุณอาอำพล เจน หนังสือศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 223
วันที่ 16 เมษายน 2535
———————————————————————–