หลวงพ่อพิบูลย์ – ตอนที่ 3 –

เรื่องขลังและพิสดารของหลวงพ่อพิบูลย์
ตอนที่ 3
 
คราวที่แล้วมีเรื่องเกี่ยวกับการดำน้ำของหลวงพ่อพิบูลย์ 2 ครั้ง คือลงไปปราบจระเข้และลงไปตัดไม้ที่จมน้ำ

ครั้งแรกดำลงไปนาน 1 ชั่วโมง ครั้งที่ 2 ดำลงไปนาน 2 ชั่วโมง

ไม่มีทางรู้จริงๆว่า ทำได้อย่างไร

โดยปกติคนเราจะมีความสามารถกลั้นลมหายใจอยู่ใต้น้ำได้นานราว 1 นาที หรือนานกว่านั้นนิดหน่อย ถ้าเกินกว่านี้จะเกิดสถานการณ์อันตรายถึงชีวิตได้

เคยมีฝรั่งคนหนึ่ง(จำไม่ได้ว่าเป็นใคร)ทำสถิติดำน้ำโดยไม่มีเครื่องช่วย หายใจได้นานถึง 17 นาที โดยมีเคล็ดลับว่า ต้องสูดเอาออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างเต็มที่เสียก่อนจึงดำน้ำลงไป

ออกซิเจนบริสุทธิ์จะช่วยยืดเวลาให้กลั้นลมหานใจได้นานขึ้น แต่จะกลั้นไว้จนถึงชั่วโมงไม่เคยปรากฏ

ครูบาอาจารย์รุ่นโบราณกาลไม่รู้ทำได้อย่างไร เวลาโผล่ขึ้นมาจากน้ำจีวรไม่เปียกอีกด้วย

เหมือนเล่นกล

เท่าที่ได้สังเกตดูเรื่องการดำน้ำของครูบาอาจารย์ท่าน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องลงไปใต้น้ำเพื่อประกอบพิธีกรรมอะไรสักอย่าง ไม่ค่อยปรากฏว่าดำน้ำลงไปเล่นเอาสนุก

โดยมากจะได้ยินว่า ลงไปใต้น้ำเพื่อทำตะกรุด ว่ากันว่าการทำเช่นนั้นเพื่อเอาเคล็ด คือเอาน้ำดับไฟ( ปืน )

ครูบาอาจารย์รุ่นหลังๆดำน้ำไม่ได้ ก็ทำอาการด้วยการจารตะกรุดในน้ำ คือเอากะละมังใส่น้ำมาและจมมือของตนลงไปจารในน้ำ เห็นว่ามีผู้เลื่อมใสการทำตะกรุดแบบนี้อยู่มาก และมีความนิยมทำกันอยู่สมัยหนึ่ง เดี๋ยวนี้ไม่ได้ยินว่าใครทำอีกแล้ว เข้าใจว่าหมดสมัยหรือทำไปแล้วไม่มีฤทธิ์จะดับไฟได้จริง เจอไฟเมื่อไรไหม้เป็นจุณทุกที

คนทำตะกรุดเองก็ไม่รับผิดชอบ ถ้าเจอไฟเข้าเองคนทำตะกรุดก็คงเผ่นเหมือนกัน

แต่ว่ามีวิชาทำตะกรุดใต้น้ำอยู่ประการหนึ่งเรียกว่า “ ตะกรุดราหู” คือต้องดำน้ำลงไปจารตะกรุดระหว่างที่เกิด สุริยะคราสหรือจันทรคราส เขาว่าทำแล้วขลังจริง

ตำรับตะกรุดราหูนี้เป็นของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า

เมื่อบอกให้แล้วใครสนใจจะลองไปทำดูก็ไม่มีปัญหา

อย่างแรกต้องรอให้เกิดสุริยะคราสหรือจันทรคราสเสียก่อน ซึ่งทุกวันนี้ไม่ยาก เพราะโทรทัศน์หรือวิทยุหรือหนังสือพิมพ์จะบอกข่าวให้ทราบล่วงหน้า เมื่อทราบแล้วก็เตรียมแผ่นโลหะเอาไว้

จะให้ดีควรซ้อมจารและซ้อมม้วนตะกรุดเอาไว้ก่อน เพื่อให้เกิดความคล่องตัว

กติกามีอยู่ว่าจะต้องดำน้ำลงไประหว่างเกิดสุริยะคราสและจันทรคราส จะต้องจารตะกรุดใต้น้ำจนเสร็จ และม้วนให้เรียบร้อยแล้วอมไว้ในปากจึงค่อยโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำ

ลมหายใจ 1 กลั้นจะจารและม้วนตะกรุดได้กี่ดอกก็เอาแค่นั้น

ตัวอักขระที่จะจารก็ง่ายๆ เพราะมีแค่ตัวเดียวเรียกว่าตัว “ นะ ตาไก่”

เรื่องยากก็คือต้องจารให้เข้าตาไก่

ถึงบอกให้ซ้อมก่อนไงล่ะ

นะ ตาไก่ คืออย่างนี้    
เจ้าของตำรับวิชานี้ได้บอกว่า ใครจะทำก็ได้รับรองขลังเหมือนกันหมด

เรียกว่าไม่ต้องอาศัยหลวงปู่หลวงพ่อที่ไหนเลย เราทุกคนสามารถทำได้

เป็นตะกรุด “กูทำเอง” ว่างั้นเถอะ

ข้อแม้ต้องบวงสรวงบอกกล่าวหลวงปู่ศุขเสียก่อน จะบวงสรวงถึงขนาดเอาหัวหมูมาเป็นเครื่องบัดพลีก็ยิ่งดี เพราะว่าหลวงปู่ศุขชอบหัวหมู

เรื่องหลวงปู่ศุขชอบหัวหมู ผมก็ไม่ได้อุตริอวดรู้ แต่หลวงปู่โต๊ะเป็นผู้บอก

ใครจะพึ่งหลวงศุขไม่ว่าเรื่องอะไร คิดถึงหัวหมูไว้ก่อน

หลวงปู่ศุขไม่ใช่พระธรรมดา กระทั่งหลวงปู่โต๊ะก็ยังมีรูปหลวงปู่ศุขไว้บนหัวนอน หลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดชก็มี

 

ทั้งยังเป็นผู้มีความเป็นเลิศในเรื่องดำน้ำ หรือพิธีกรรมใต้น้ำ

คงขลังจริง

อาจารย์เบิ้ม ปากน้ำเคยลองทำดูแล้วครับ ทำได้ 2 ดอก ลูกศิษย์ลูกหาก็ทดลองยิงที่ข้างตลิ่งน้ำทันที ปรากฏว่ายิงออก 1 ดอก ยิงไม่ออก 1 ดอก

ตะกรุดดอกที่ยิงออกเอามาคลี่ดู ปรากฏว่าจารไม่เข้าตาไก่

เพราะฉะนั้นต้องจารให้เข้าตาไก่จึงจะสมบูรณ์แบบ

ใครสนใจเรื่องนี้ลองเลียบๆเคียงๆถามอาจารย์เบิ้มเอง ก็จะได้ความชัดเจนกว่านี้

ผมไม่ได้ความหรอกครับ อย่าไปถาม ผมแค่เล่าต่อเท่านั้น

อย่างไรก็ตามตะกรุดราหูนี้ ผมก็เคยทำ 2 ครั้ง แต่ทำแล้วไม่รู้ว่าขลังจริงหรือไม่ ยังไม่ได้ลองยิงดูเวลาเอามาแขวนก็อธิษฐานว่ายิงไม่ออก หรือยิงไม่เข้าผมไม่เอาด้วย ตั้งใจแค่ว่าจะเอาแคล้วคลาดเป็นหลัก คือถ้าเห็นเขางัดปืนออกมาจะยิงเราเมื่อไร จะใช้วิชาแคล้วคลาดคือ วิ่งหนีทันที

รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอด (วิ่งหนี)เป็นยอดดี

แคล้วคลาดของผมไม่สงวนลิขสิทธิ์ ใครเห็นว่าดีจะอาไปใช้ก็ได้

ถ้าจะให้แคล้วคลาดยิ่งขึ้น ต้องวิ่งสลับฟันปลา ทำได้อย่างนี้วิชาแคล้วคลาดยิ่งได้ผลชงัด

วิ่งสลับฟันเป็นไง…?

วิ่งซิกแซ็กสิพ่อคุณเอ๋ย

นี่ก็เถลไถลมาไกลโข เห็นจะต้องกลับเข้าเรื่องกันเสียที

 
แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน