หลวงพ่อพิบูลย์ – ตอนที่ 5 –
ถึงคราวที่ผมได้เจอพ่อคำปุ่นด้วยตัวเอง ก็พ่อนกนี่แหละ ครับเป็นคนพาไป ท่านอาศัยอยู่นครพนมในหมู่บ้านที่ผมจำชื่อไม่ได้ หมู่บ้านนี้หาไม่ยาก ผมยังจำได้ สามารถไปได้อีก เสียแต่ลืมชื่อไปเท่านั้น
ผมเห็นท่านทีแรกก็เห็นว่าท่านคือ คนบ้า อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็สงสัยอยู่ว่าทั้งพ่อนกและคนอื่นที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันอีก 7 – 8 คน จะบ้ากว่าหรือเปล่า
ไม่อยากเข้าใกล้เลยครับ สารรูปอย่างนั้น เสื้อผ้าอย่างนั้น แต่ขัดพ่อนกไม่ได้ ต้องเข้าไปกราบใกล้ๆตักท่าน
แปลกครับคิดว่าจะได้กลิ่นเหม็นหึ่ง กลับไม่มีกลิ่นอะไรเลย
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะจมูกดีกว่าผม คือพาลได้กลิ่นหอมประหลาดไป
เป็นกลิ่นที่ไม่เคยหอมอยู่ในโลกมนุษย์ด้วยซ้ำ
สำหรับผมไม่ต้องหอมก็ได้ แค่ไม่เหม็นผมก็เห็นประหลาดแล้ว
ยายอะไรไม่ทราบ (ลืมชื่อ)เจ้าของบ้าน และเป็นผู้อุปถัมภ์อุปัฏฐากพ่อคำปุ่นบอกว่า ท่านไม่เคยอาบน้ำเลย เสื้อผ้าก็นานๆเปลี่ยนที ยิ่งทำให้แปลกใจกว่าเก่า
พ่อคำปุ่นทำด้ายผูกข้อมือให้ผมแล้วก็เป่าหัว สวดคาถาที่ฟังไม่รู้เรื่อง ได้ยินแต่เสียง พิง พิง พิง แค่นั้น
ด้ายผูกข้อมือนี้ ต่อมาได้เอาไปให้คนที่ชอบจับพลังพระลองจับดู คนแรกบอกว่าพลังสูงอย่างน่าเลื่อมใส อีกคนตรวจแล้วทำหน้างงๆ บอกว่าไม่เห็นมีพลังอะไร
คนที่งงหนักคือผม พองงหนักแล้วก็เลยเอาด้ายผูกข้อมือนั้นมาตัดเป็นท่อนๆ ฝังในพระฤษีที่ทำถวายหลวงปู่พรหมา แต่จำไม่ได้ว่าเป็นรุ่นไหน ใครเห็นว่ามีพระฤษีอยู่ในมือของตนเอง และพบว่าที่ใต้ฐานมีด้ายคล้ายๆสายสิญจน์ฝังอยู่ ก็เข้าใจเถิดว่า บางทีจะเป็นด้ายผูกข้อมือเส้นนั้นของผมเองที่พ่อคำปุ่นทำให้
ต่อมาพวกที่ไปด้วยก็บังอาจขอหวยกับพ่อคำปุ่น ท่านก็เมตตาเขียนรูปดาว 4 ดวงและ 5 ดวงให้ดูปรากฏว่างวดนั้นหวยออก 45 ตรงๆจริงๆ
นี่คือเรื่องพ่อคำปุ่นที่ผมเห็นว่าท่านเป็นคนบ้า แต่คนอื่นเห็นท่านเป็นฤษี
อย่าคิดไปหาท่านเลยครับ ไปก็ไม่เจอ เพราะว่าท่านเสียชีวิตไปแล้วประมาณ 10 กว่าปี
อย่างไรก็ตาม ต้องนับว่าเป็นวาสนาของผม ที่ได้มีโอกาสพบคนบ้าคนหนึ่ง ที่มีอภินิหารแปลกประหลาด เหมือนพ่อผมยาวไม่มีผิด
ถึงตรงนี้ก็ช่างเหมือนการเดินทางไกล แล้วแวะลงข้างทางซดกาแฟสด เถลไถลคุยเรื่องอื่นจนพอใจ จึงกลับเข้ามาตั้งต้นเดินทางกันใหม่อีกครั้งในช่วงสุดท้าย
กลับเข้ามาเรื่องหลวงพ่อพิบูลย์อีกวาระหนึ่ง
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า หลวงพ่อพิบูลย์ถูกควบคุมตัวอยู่ วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี 15 ปี และหลวงพ่อโชติได้ติดตามไปปรนนิบัติตลอดเวลา โดยเดินทางไปๆมาๆระหว่างบ้านแดงกับวัดโพธิสมภรณ์
หลวงพ่อโชติเล่าว่า ระหว่างที่หลวงพ่อพิบูลย์อยู่วัดโพธิสมภรณ์นั้น เกิดสงครามอินโดจีน และหลวงพ่อพิบูลย์หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า คือสามารถบอกได้ว่าฝรั่งจะมาทิ้งระเบิดที่บ้านนาเกลือ ระเบิดจะลงตรงไหน กี่ลูก บอกได้ถูกต้องหมด และยังบอกอีกว่าไม่ต้องตกใจ เพราะจะไม่มีระเบิดลูกไหนระเบิดเลย
ต่อมาฝรั่งก็มาทิ้งระเบิดจริงๆที่บ้านนาเกลือ และระเบิดทุกลูกก็ด้านหมด
หลวงพ่อโชติได้เล่าเสริมไว้อีกเรื่องหนึ่งคือ ที่บ้านกุดแห่นางหงส์ เกิดมีฝูงจระเข้มาอาศัยอยู่มาก จนชาวบ้านไม่กล้าลงน้ำหาปลา จึงมานิมนต์หลวงพ่อพิบูลย์ไปปราบ และท่านได้ประกอบพิธีกรรมเหมือนครั้งปราบจระเข้ที่ลำน้ำปาว โดยถือเทียนและไม้เรียวลงไปใต้น้ำนาน 1 ชั่วโมง พอกลับขึ้นมาปรากฏว่า เทียนไม่ดับ จีวรไม่เปียก และอีก 7 วันชาวบ้านก็ลงน้ำหาปลาได้
ความจริงเรื่องอภินิหารของหลวงพ่อพิบูลย์ยังมีอีกมาก แต่ส่วนใหญ่มีลักษณะเรื่องราวคล้ายๆกัน จึงนำมาเล่าแต่เรื่องที่พอจะระบุสถานที่เกิดเหตุได้เท่านั้น
อภินิหารเหล่านี้ยืนยันว่าพลังเหนือโลก ที่มนุษย์คนหนึ่งในพระพุทธศาสนา สามารถมีและทำได้
เป็นพลังที่มีอยู่ทุกยุคทุกสมัยต่อเนื่องมานาน นับแต่พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นอุบัติขึ้นในโลก เมื่อ 2500 กว่าปีมาแล้ว
เป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผลอีกแนวหนึ่งที่อธิบายไม่ได้ว่า มี และเกิดขึ้นได้อย่างไร
ดีใจครับ ที่เกิดมาในพระพุทธศาสนา
หลวงพ่อพิบูลย์ใช้ชีวิตช่วงปลายอย่างสงบอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ จนกระทั่งถึงปี 2489 หลวงพ่ออาพาธหนักด้วยโรคชรา
ตอนที่ท่านใกล้จะมรณภาพนั้นเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว ท่านไล่ลูกศิษย์ให้ออกไปนอกห้อง และให้ปิดประตูไว้ จนกระทั่งประมาณ 5 ทุ่ม ปรากฏว่ามีแสงสว่างลุกโพลงขึ้นเหนือกุฏิ ลูกศิษย์จึงเปิดประตูเข้าไปดู และพบว่าท่านมรณภาพแล้ว ในท่าสีหไสยาสน์สิริรวมอายุได้ 135 ปี
ศพของหลวงพ่อพิบูลย์เก็บรักษาไว้ในวัดโพธิสมภรณ์หลายปี จึงได้นำกลับมาไว้ที่วัดพระแท่น โดยชาวบ้านนำเกวียน 100 เล่ม มาเป็นขบวนแห่ศพ และเก็บท่านไว้ต่อมาจนปี 2504 เจ้าอธิการคำพันธ์ คนฺธโร ได้พาชาวบ้านสร้างเจดีย์และทำพิธีฌาปนกิจศพหลวงพ่อพิบูลย์
ส่วนหลวงพ่อโชติ ก็ได้อยู่ครองวัดพระแท่นสืบต่อจากหลวงพ่อพิบูลย์ จนกระทั่งถึงกาลมรณภาพ ในวันที่ 14 มกราคม 2540 สิริรวมอายุได้ 100 ปี
ร่องรอยของหลวงพ่อโชติยังพอสืบค้นได้ไม่ยาก เพราะว่าท่านเพิ่งจากไปแค่ 9 ปีเอง แต่ร่องรอยครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆอาจยากสักหน่อย
ใครเลื่อมใสศรัทธาก็สะกดรอยไปกราบสถานที่บรรจุอัฐิของทุกท่านที่ยังคงปรากฏอยู่ จนทุกวันนี้ได้ทุกเวลา
ปัจจุบันเหรียญหลวงพ่อพิบูลย์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยมีประสบการณ์ชัดเจนไปในทางป้องกันตัว และมีชื่อเสียงเลื่องลือจากการทดลองยิงด้วยปืน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น
เหรียญหลวงพ่อพิบูลย์ทราบว่าเนื้อทองเหลืองคนจะนิยมมากกว่าเนื้อทองแดง
แม้เป็นเหรียญไม่ทันชีวิตท่าน ก็ยังเป็นที่นิยมเสมือนเป็นเหรียญทันชีวิตท่านปานนั้น
จบเรื่องหลวงพ่อพิบูลย์ วัดพระแท่นแต่เพียงเท่านี้
——————————————-~@~——————————————-
ตีพิมพ์ครั้งแรกในศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 562 วันที่ 1 มิถุนายน 2549
——————————————-~@~——————————————-