03.ควันหลง-พระนาคปรกรุ่นแรกกับเหรียญครบรอบ 93 ปี

จดหมายต่อไปนี้คือ “มองต่างมุม”

ฉบับแรกเขียนมาจากบ้านพักพัทยา ไม่บอกชื่อว่าเป็นใครเขียนมา

“เรียนคุณอำพล เจน ที่เคารพนับถือ
สวัสดี ครับคุณอำพล ผมเป็นผู้อ่านหนังสือศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง ผมได้ซื้อหนังสือฉบับที่ 259 ผมอ่านแล้วผมรู้สึกว่าคุณอำพลจะเอาเปรียบผู้อ่านเกินไป ในเรื่องของพระเครื่องหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ครั้งแรกคุณบอกว่าจะแจกฟรี แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ไม่แจก แถมคุณบอกผู้อ่านให้ใจอ่อน แล้วคุณก็บอกประสบการณ์ของหลวงปู่แล้วคุณก็เชียร์ว่าต่อไปไม่แน่ ราคาจะเทียบเท่าหลวงปู่ทิม ทำให้ผู้อ่านอยากได้และเกิดศรัทธา แต่แล้วคุณก็เก็บเนื้อเงินมีจารและธรรมดาไว้หมด ถ้าคุณเก็บเอาไว้ไม่กี่องค์ผมไม่ว่าเลยครับ
ถ้าต่อไปมีเกจิดีเก่งเก่งแล้วของที่ดีคุณอำพลไม่เก็บไว้หมดเหรอครับ
สุดท้ายนี้ไม่มีอะไรจากผมและกลุ่มผู้อ่านในพัทยา ขอให้คุณใจอ่อนกับผู้อ่านด้วยครับ
ด้วยความเคารพนับถือ
(เซ็นชื่ออ่านไม่ได้)”

อีกฉบับหนึ่ง
“เรียนคุณอำพล เจน
เรื่อง ร่วมทำบุญกับหลวงปู่พรหมา
สวัสดีครับคุณอำพล ผมได้ติดตามนิตยสารศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอดและได้ทราบข่าวของหลวงปู่พรหมาก็เพราะคุณอำพล ผมมีความศรัทธาในตัวของหลวงปู่พรหมาก็เพราะคุณอำพล ผมจึงอยากได้พระเครื่องของหลวงปู่พรหมาเป็นพระนาคปรก ผมจึงส่งปัจจัยมาร่วมทำบุญกับคุณอำพลเพื่อจะได้นำปัจจัยไปช่วยพัฒนาวัดของ หลวงปู่ ผมขอให้ผลบุญที่คุณอำพลและคณะจัดทำได้ทำขึ้นจงส่งผลให้คุณอำพล และคณะจัดทำประสบผลสำเร็จในชีวิตด้วยเทอญ

ผมใคร่ขอบูชาพระเครื่องของหลวงปู่จากคุณอำพล
1. พระนาคปรกใบมะขามเนื้อทองเหลือง 8 องค์
2. พระนาคปรกเนื้อทองแดง 5 องค์

อนึ่ง หากแม้นมีพระเครื่องรุ่นอื่นของหลวงปู่พรหมา ผมขอบูชาไว้สักองค์หนึ่งเถิด หากแม้ไม่มีให้ก็ไม่เป็นไร ปัจจัยที่เหลือผมขอให้นำไปทำบุญกับหลวงปู่ด้วยเถิด เพื่อวัดของหลวงปู่จะได้เจริญ มีประชาชนรู้จักมากขึ้น
ขอแสดงความนับถือ
สุรชัย ภู่อ่ำ
(ปล. พระนาคปรก ผมจะนำไปแจกจ่ายเพื่อนฝูงไม่ได้เก็บไว้คนเดียว)”

ผมได้มอบ พระนาคปรกเนื้อเงิน ให้คุณสุรชัย 1 องค์ และเหรียญครบรอบ 93 ปีของหลวงปู่อีก 14 เหรียญ เพราะเหตุว่าจดหมายของคุณสุรชัยมาถึงช้าไป พระนาคปรกเนื้อทองเหลืองและทองแดงหมดไม่เหลือ

ความจริงเหลืออย่างละ 1 องค์ ผมต้องเก็บไว้เป็นตัวอย่าง

มีผู้ศรัทธาอีกท่านหนึ่ง คือคุณเมธี แสงศิริ จากกรุงเทพ อยากจะได้พระนาคปรกเนื้อเงิน ซึ่งก็ทราบดีว่าผมไม่จำหน่าย แต่จังหวะของคุณเมธีดีมาก เพราะผมและกรรมการทุกคนเพิ่งลงความเห็นให้นำพระนาคปรกเนื้อเงินที่ผมหวงออก มาจำหน่าย เพราะว่าพระนาคปรกเนื้ออื่นๆ หมดไม่พอแก่ความต้องการ คุณเมธีจึงเป็นคนแรกที่ประเดิมพระนาคปรกเนื้อเงิน

ตอนแรกขออย่างเกรงใจก่อนว่าสัก 10 องค์ได้ไหม
ผมบอกว่าได้

ต่อมาถามว่าราคาองค์ละเท่าไหร่
“องค์ละ 300 บาท” ผมบอก
“งั้นขอเพิ่มเป็น 20 องค์”

นี่คือคนแรกที่ได้รับพระเนื้อเงินนาคปรกไป

จดหมายในลักษณะของคุณสุรชัย ภู่อ่ำ มีมากมายจริง ๆ ครับ ผมต้องแสดงความขอบพระคุณมาในโอกาสนี้ด้วย

ยังมีอีกฉบับหนึ่งที่น่าจะได้ลงพิมพ์ให้อ่านกัน

เขียนมาจาก พจอ.สุศิลป์ นิยมจันทร์ เมืองชลบุรี
“สวัสดีครับคุณอำพล ผมได้พบในหนังสือศักดิ์สิทธิ์ว่าคุณให้บูชาพระนาคปรกของหลวงปู่พรหมานั้น ผมมีความต้องการมากครับ เพราะผมได้เคยบูชาล็อกเกตแบบรูปไข่และแบบสี่เหลี่ยมที่คุณชินพรมาแล้วนั้น ดีมาก ๆ เลย แต่อย่าให้ผมบอกเลยว่าดีอย่างไร เพราะไม่อยากเป็นดาราหน้ากล้อง หวังว่าคงได้รับเมตตาจากคุณ ผมอยากให้ส่งมาทางลงทะเบียนเพราะกลัวหาย ผมตั้งใจไว้ว่าถ้าผมรู้ว่าใครสร้างพระให้หลวงปู่พรหมาปลุกเสก ถ้าอัตราค่าบูชาไม่แพง หรือเป็นการทำบุญ ผมเอาเก็บไว้ทุกรุ่นเลยครับ ผมขอบูชา ดังนี้

พระนาคปรกใบมะขาม เนื้อทองเหลือง 10 องค์ เนื้อทองแดง 10 องค์
พร้อมกันนี้ผมได้ส่งธนาณัติมาเป็นเงิน 670 บาท ค่าส่งด้วย ขอบพระคุณมาก
ปล. ถ้าวัตถุมงคลหมดไม่ต้องส่งเงินกลับมา ผมขอทำบุญกับหลวงปู่ แต่ขอให้จดหมายมาบอกด้วย”

อีกท่านหนึ่งคือ พระมหาอุดม บุตรศรีภูมิ เขียนมากจากโรงเรียนพุทธศาสนา วันอาทิตย์ วัดสะพานสูง
“เป็นสมาชิกอ่านหนังสือศักดิ์สิทธิ์ประจำมานานไม่เคยขาดและหนังสืออื่น ๆ อีกเยอะแยะ เฉพาะศักดิ์สิทธิ์ซื้อไม่ทันเฉพาะฉบับที่ 254 ที่แจกเหรียญสวยครูบาเจ้าเกษม ฉบับนี้ 259 เลยสั่งแผงประจำไว้ได้ประมาณ 15 – 16 เล่มเท่านั้นเอง ยังอยากเก็บอีกแต่วายหมดไปจากแผงตั้งแต่วันออกแล้ว  โดยเฉพาะคอลัมน์สืบหาพระเครื่องดี ชอบมากและพยายามจะหาตามที่เขียนแจ้งเอาไว้ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่อยากได้คือล็อกเกตหลวงปู่พรหมา โทรไปหาท่านชินพรบอกหมดแล้ว ให้เด็กไปดูที่พันธุ์ทิพย์ก็หมด หรือไม่ก็ขึ้นราคาจากเดิมจนจับไม่ลง (บูชามาแจกฟรีแก่คนสนิทสนมกันเท่านั้น หรือเก็บรักษาเอาไว้) กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิมอีก เลยมีหนังสือมาถึงคุณโยมโดยตรง สอบถามเรื่องล็อกเกตด้วย แต่จะขอทำบุญบูชาพระนาคปรกใบมะขามรุ่นแรก คิดว่ายังมีอยู่”

ทั้งสองท่านนี้ จดหมายมาช้ากว่าท่านอื่น จึงได้รับพระนาคปรกเนื้อเงิน และเหรียญครบรอบ 93 ปี ไปแทน พระนาคปรกเนื้อทองเหลืองและทองแดง

ข้อเท็จจริงในการส่งพระกลับไปให้แก่ผู้อ่านที่สนใจนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้รับพระนาคปรกตามเจตนา กว่าครึ่งได้รับเหรียญครบรอบ 93 ปี ทดแทนไป เว้นแต่บางท่านเท่านั้นที่ได้รับพระนาคปรกเนื้อเงิน ถ้าหากว่าท่านส่งเงินไปเกินค่าหรือพอแก่ค่าพระนาคปรกเนื้อเงิน ผมก็จัดส่งให้ทันที

อย่างไรก็ตาม หากว่าเป้าหมายในการส่งปัจจัยไปที่ผม คือพระนาคปรกอาจไม่สมหวังดังใจที่ตั้งไว้ แต่ถ้าวางเป้าไว้ที่ศาลาการเปรียญของหลวงปู่ เป็นอันเข้าเป้าเผงทุกท่านไม่คลาดเคลื่อน

ขออนุโมทนากับทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง และอยากบอกว่าเมื่อจดหมายที่ส่งไปถึงผมหมดถ้วนแล้ว ไม่มีใครส่งไปอีก (จะทอดระยะเวลารอสักระยะหนึ่ง) ผมจะหอบจดหมายทั้งหมดรวมใส่ถุงขึ้นไปขอเมตตาหลวงปู่แผ่เมตตา และอนุโมทนาให้ทุกท่านเป็นพิเศษ

ไม่รู้ว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร แต่อยากทำยังงั้น

สบายใจดี

ขอทวนไปถึงเรื่องฤาษีของขวัญที่ได้กล่าวถึงในฉบับที่แล้วว่าจะแจกแทนพระนาคปรก โดยจะส่งไปรษณียบัตรไปสอบถามความสมัครใจทุกท่านก่อนดังที่ได้อ่านกันแล้ว นั้น คงต้องบอกว่าผู้อ่านจะกลายเป็น 2 กลุ่มไป คือ ทั้งได้รับและไม่ได้รับไปรษณียบัตร แต่ได้รับเหรียญครบรอบ 93 ปี ไปเลย

ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุว่า จดหมายของผู้อ่านประดังเข้ามาเรื่อย ๆ เป็นจำนวนมากทุกวัน ทำให้ผมรู้สึกหมดท่า นั่งแผละแบบคาวบอยตกม้า ไม่สามารถจะส่งไปรษณียบัตรไปสอบถามได้ครบทุกท่าน และคำว่าดินพอกหากหมูก็เริ่มขยายตัวโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเห็นว่าไม่ไหวแน่แล้ว เพราะจดหมายจะถูกส่งไปส่งมา 2 – 3 รอบ บางทีจะต้องมาค้นชื่อที่อยู่และตรวจสอบจำนวนเกินกันภายหลังอีก ยุ่งแน่ สู้ตัดสินใจส่งพระอื่นไปแทนก่อนดีกว่า เพราะถ้าท่านยินดีรับไว้ก็จบเรื่องไป ถ้าไม่ยินดีรับไว้แล้วส่งพระกลับคืนก็จะได้เคลียร์เงินคืนให้เพียงรอบเดียว สะดวกขึ้นกว่าจะส่งไปรษณีย์ย้อนกลับไปถาม แล้วท่านส่งคำตอบกลับมาว่าโอเคหรือไม่โอเค แล้วผมก็ส่งพระหรือปัจจัยกลับไปหาท่านอีกรอบ

หวังว่าผู้อ่านที่ไม่ได้รับไปรษณียบัตรคงอภัยให้ผมด้วย

ผมเป็นคาวบอยตกม้า จริง ๆ

มิน่าเล่าเขาจึงชอบมีเลขาฯ หรือผู้ช่วยกัน ซึ่งผมก็มีคนหนึ่ง เป็นเลขาฯ กล้ามแข็ง เป็นทหารพรานอีกต่างหาก
เลขาฯ คนนี้เป็นศิษย์หลวงปู่พรหมา อีกคน และเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ปลอดภัยในการรบที่ช่องบก ชายแดนลาว – ไทย ด้านอำเภอน้ำยืน อุบลฯ เมื่อประมาณ 5 – 6 ปีก่อน

เขาชื่อพิชิตพล แตงหวาน

ปีที่ช่องบกลุกเป็นไฟครั้งแรกนั้น ผมจำไม่ได้ ไม่มีเวลาสอบสวนดู (ขณะที่เขียนต้นฉบับ พิชิตพลขึ้นวัด ไม่อยู่ด้วยกับผม) ประมาณว่าเป็นปี 2527 หรือ 2528 หรือใกล้ๆ เคียงปีเหล่านี้แหละครับ ส่วนวันนั้นจำแม่นคือ 14 กุมภาพันธ์ มีทหารเสียชีวิตในการรบพุ่งเพื่อชิงช่องบกกลับคืนหลายชีวิต รถบรรทุกศพทหารวิ่งจากช่องบกเข้าอำเภอวารินชำราบมีทุกวัน

พิชิตพลเป็นหนึ่งในกองร้อยแรกที่รุกเข้าช่องบกและตายหมดทั้งกองร้อยใน 1 ชั่วโมง
มีทหารในกองร้อยนั้นรอดชีวิตเพียง 2 คน คือ พิชิตพลและลูกพี่ของเขา (ขอสงวนนาม)

พิชิตพล เล่าเหตุการณ์ครั้งนั้นให้ผมฟังว่า

“พวกเราเข้าช่องบกเป็นกองร้อยแรก ภูมิประเทศตรงนั้นพวกเราเสียเปรียบทุกประตู เราเข้าไปแบบเสี่ยง ๆ อาจเป็นการลองกำลังหรือหาวิธีประเมินสถานการณ์ที่นั่น ผมบอกลูกพี่ผมว่าพวกเราควรขึ้นอีกทางหนึ่งซึ่งน่าจะปลอดภัยกว่าอีกทาง ซึ่งลูกพี่ผมสั่งให้ไปทางนั้น เขาไม่เชื่อผม และผมเป็นเพียงลูกน้องที่ขัดคำสั่งลูกพี่ไม่ได้ ผลคือเราตายหมดในไม่กี่นาที กระสุนทั้งปืนเล็กปืนใหญ่และอาร์พีจี หรือเอ็ม. 79 ตกใส่พวกเราเหมือนเรายืนตากฝนอยู่กลางแจ้ง ไม่มีที่หลบฝน ลูกพี่ผมเสียแขนไปข้างหนึ่ง ผมเอาตัวเข้าบังกระสุนให้เขา ผมมึนไปหมดทั้งตัว ไม่รู้อะไรต่ออะไรสาดใส่เต็มหลัง เป้พรุนหมด เครื่องสนามยับเยินหมด รวมทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่”

กระสุนไม่ทะลุหนัง พิชิตพลแม้แต่นัดเดียว

เขาและลูกพี่ติดอยู่ในนั้น อาศัยโขดหินก้อนหนึ่งบังกระสุนแบบโผล่หัวไม่ได้อยู่นาน 15 วัน ไม่มีอาหารไม่มีน้ำ ต้องกินปัสสาวะตนเอง
“วันที่ 15 ผมหมดแรงแล้ว แต่ยังพยายามฝืนตัวให้ตื่นให้ได้ มีเสียงฝีเท้าคนย่ำเข้ามา ผมยกปืนขึ้นเล็งไป พอเห็นหมวกของพวกที่มาใหม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกัน ผมก็สลบไปทันที”

ทุกวันนี้ลูกพี่ของเขาเป็นทหารผ่านศึกพิการ ที่เห็นหน้าพิชิตพลเมื่อไหร่เป็นอันน้ำตาคลอ
“ถ้ากูเชื่อมึงกูก็ไม่เป็นยังงี้”

2 คนที่รอดชีวิตจากช่องบก

คนแรกคือพิชิตพล เขารอดเพราะพระสมเด็จหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ในคอเพียงองค์เดียว กระสุนที่เหมือนฝนตกนั้นไม่ทะลุเนื้อหนังเขาแม้เพียงนัดเดียว ลูกพี่ของเขารอดเพราะพิชิตพลพุ่งตัวเข้าบังกระสุนให้หลังจากเสียแขนไปข้าง หนึ่ง เพราะสะเก็ดระเบิด

เรื่องนี้ถ้าใครคิดว่าผมโกหก ขอให้ลงมือสอบสวนความจริงได้ แล้วเอาความจริงมาประจานผมทันที ถ้าหากว่าที่ผมเล่านี้เป็นความเท็จ

ทุกวันนี้พิชิตพลยังอยู่รับใช้หลวงปู่อย่างใกล้ชิด

และในโอกาสที่ผมเป็นคาวบอยเคล็ดขัดยอก เขาก็มาช่วย

ผมคงต้องชี้แจงต่อไปอีกว่า หลังจากที่บอกผู้อ่านไปเมื่อฉบับที่แล้ว จะมอบฤาษีของขวัญเนื้อผงแทนพระนาคปรกที่หมดไป ก็พอดีกับที่หลวงปู่ให้คนที่วัดขนเหรียญครบรอบ 93 ปีลงมาให้ผม เลยเป็นเหตุให้เปลี่ยนใจกะทันหัน ตัดสินใจมอบเหรียญแทนพระฤาษีของขวัญไปทันที

อย่างน้อยที่สุด การจัดส่งเหรียญทางไปรษณีย์นั้นควรจะปลอดภัยกว่าส่งพระฤาษีของขวัญที่เป็นพระเนื้อผง ซึ่งมีโอกาสชำรุดได้มากกว่า

ผู้ที่ได้รับเหรียญ 93 ปี ไปก่อนแล้วก็ขอให้ภูมิใจได้
นี่คือเหรียญรุ่นแรกในรอบ 16 ปี
และเป็นเหรียญรุ่นแรกที่หลวงปู่พรหมาอนุญาตให้ผู้อื่นจัดสร้างได้

เหรียญรุ่นแรกจริง ๆ นั้นสร้างเมื่อปี 2519 หลวงปู่เป็นผู้สร้างเอง สร้างเสร็จก็แจกไปทางฝั่งลาวเป็นส่วนใหญ่ ตกอยู่ฝั่งไทยน้อยมาก ส่วนเหรียญรุ่น 2 ท่านสร้างเองเหมือนกัน โดยสร้างในราวปี 2520 (แต่ก็มีบางท่านบอกว่าสร้างปี 2524 ถามหลวงปู่ทีหนึ่งก็บอกปี พ.ศ.หนึ่ง ถามอีกทีก็บอกอีก พ.ศ. หนึ่ง แสดงว่าหลวงปู่ลืมไปแล้ว)

ยังไม่มีรูปเหรียญทั้ง 2 รุ่นให้ดู

ต้องรอคุณพันฤทธิ์ ในภาคประวัติหลวงปู่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เหรียญครบรอบ 93 ปี ของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ที่สร้างโดยบริษัทกรุงไทยแทร็คเตอร์ ก็จัดให้เป็นเหรียญรุ่นที่ 3 และเป็นรุ่นพิเศษคือรุ่นแรกในรอบ 16 ปีอันยาวนานพอสมควร

เหรียญครบรอบ 93 ปี สร้างขึ้น 3 แบบ
1.แบบรูปไข่ หลวงปู่นั่งเต็มองค์ ไม่มีหู ทางผู้สร้างคือ บ.กรุงไทยแทร็คเตอร์ ขอกลับคืนหมด ประมาณว่าสร้างราว ๆ 2 หมื่นเหรียญ (ไม่ทันพบตัวผู้สร้าง จึงยังไม่ได้ตัวเลขแน่ชัด)
2.แบบรูปไข่ หลวงปู่นั่งเต็มองค์ มีหู ทางผู้สร้างถวายหลวงปู่ไว้ทั้งหมด หรืออาจไม่ทั้งหมด แต่จำนวนถวายนั้นประมาณ 1 หมื่นเหรียญ และเหรียญรุ่นนี้ผมได้นำมาตอกโค้ตออกจำหน่ายทดแทนพระนาคปรกไปดังกล่าว โดยมีมูลค่า 50 บาท ต่อ 1 เหรียญ (เนื้อทองแดงรมควัน)
3.แบบเหรียญกลมมีรูปหลวงปู่ครึ่งองค์ จำนวนสร้าง 3 หมื่นเหรียญ แต่หลวงปู่ไม่ชอบพระไม่เต็มองค์ จึงสั่งให้ผู้สร้างยุบทิ้งทำใหม่ แต่ผู้สร้างไม่กล้ายุบ บอกว่าเห็นเป็นรูปหลวงปู่แล้วกลัวบาป จึงนำขึ้นภูกระเจียวถวายหลวงปู่ไว้ทั้งหมด และหลวงปู่ได้มอบเหรียญครึ่งองค์นี้ทั้งหมดให้ผมและอาจารย์อนันต์ไปทำการยุบ เพื่อจัดสร้างเป็นอย่างอื่นตามแต่จะเห็นเหมาะเห็นควร แม้ท่านจะได้บอกกับผมว่า ทั้งเหรียญรูปไข่เต็มองค์และเหรียญกลมครึ่งองค์ ท่านก็ปลุกเสกให้เท่ากันก็ตาม แต่ท่านมีความประสงค์ให้ยุบแบบครึ่งองค์อยู่ดี

เหรียญกลมครึ่งองค์ นี้พบเห็นชาวบ้านและเด็ก ๆ ในหมู่บ้านดงนา ตีนเขาของสำนักหลวงปู่แขวนกันหลายคน แสดงว่าได้มีการแจกออกไปเหมือนกัน แม้เป็นเหรียญที่หลวงปู่อยากให้ยุบ แต่ถ้าใครได้รับไปก่อนหน้านี้หลวงปู่จะมอบเหรียญทั้งหมดให้ผมและอาจารย์ อนันต์ นำลงจากเขาก็ขอให้วางใจได้ ความขลังย่อมมีเหลือเฟือสำหรับการป้องกันตัวเมื่อมีภัยเช่นเดียวกัน

นี่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะยุบเหรียญได้หมด คงต้องทยอยยุบไปเรื่อย ๆ ทำนองเป็นชนวนสำหรับวัตถุมงคลรุ่นอื่น ๆ เพราะเหรียญมีมากมายจริง ๆ

ต่อไปใครอยากได้ชนวนวิเศษศักดิ์สิทธิ์ไปรวมเนื้อพระใด ๆ ขอมาที่ผมก็คงจะยินดีมอบให้ไม่หวงหรอกครับ

กรุงไทยแทร็คเตอร์ เป็นผู้สร้างพระสำคัญ ๆ ของครูบาอาจารย์ต่าง ๆ มาหลายองค์ (เท่าที่นึกออกคือ หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้) เป็นกลุ่มผู้สร้างที่มีศรัทธาต่อหลวงปู่ และมีเจตนาดีเหมือนกัน

ทราบว่า ทางกรุงไทยแทร็คเตอร์ ได้บอกหลวงปู่ว่าเหรียญที่ถวายทั้งหมดนั้นหลวงปู่จะเอาไปทำอย่างไรก็ได้ ซึ่งหลวงปู่ได้ส่งมอบมาทางผมแล้วส่วนหนึ่ง และผมได้ตอกโค้ตออกจำหน่ายทดแทนพระนาคปรก ส่วนผู้ได้รับเหรียญรุ่นนี้มาก่อน หรือได้รับจากทางใดก็ตามโดยเป็นเหรียญไม่มีโค้ตก็หมายถึงว่าได้รับมาโดยการ อื่น แต่ถ้าหากมีโค้ตก็หมายความว่าเป็นเหรียญที่ต้องทำบุญบูชาจึงจะได้มาเป็น สมบัติตน

วิธีคิดง่าย ๆ สำหรับเหรียญรุ่นนี้ คือ
ไม่ตอกโค้ต – แจกฟรี
ตอกโค้ต – ไม่แจกฟรี

ต้องขอโทษด้วยสำหรับผู้ต้องการฟรี ๆ เพราะว่านี่อาจไม่ถูกใจท่านอีกแล้ว

ผมนึกถึงครั้งหนึ่ง สมัยหลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ ยังไม่ระบือชื่ออย่างทุกวันนี้ ผมไปกราบท่านตามคำแนะนำของเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกศิษย์ท่าน พบท่านครั้งแรกเห็นป้ายบอกจำหน่ายวัตถุมงคลที่เสากุฏิท่าน ผมนึกในใจว่า “ท่านก็จำหน่ายพระเหมือนกันนะ”

แค่นึก ท่านหันมาทางผมแล้วบอกว่า
“ของมันมีทุน”
จริงของท่านนะครับ

พระนาคปรก เนื้อทองเหลืองและทองแดงหมดไปแล้ว เนื้อเงินก็หมดแล้วเช่นกัน ผมเหลืออย่างละ 1 องค์ ที่ต้องเก็บไว้เป็นตัวอย่างเท่านั้น ขอความกรุณาอย่างส่งปัจจัยไปบูชาพระนาคปรกอีก ส่วนฤาษีของขวัญมีเพียง 800 องค์คิดว่าคงหมดอย่างรวดเร็วเหมือนฤาษีรุ่นอื่น ๆ ที่ไม่เคยลงหนังสือพิมพ์ แต่ก็สามารถจำหน่ายหมดได้ไม่เกิน 1 สัปดาห์ทุกที

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน