จะเล่าเรื่องหลวงปู่พรหมา เขมจาโรให้ฟัง

คนกันเองทั้งนั้น
ดื่มกินตามสบาย กินไปฟังไปก็ได้
ธรรมเนียมไทยไม่ว่าจะทำอะไรเป็นกลุ่มเป็นพวกต้องมีอาหารเตรียมไว้พร้อม
ไปเที่ยวก็เตรียมไปไม่มีอดมีอยาก
จับกลุ่มคุยกันก็มีกินเหลือเฟือ กินไปคุยไป
เอาเลยครับเอาเลย

ขาหมูเจ๊ฮวงน่ะสุดยอดของอำเภอวารินฯเชียวหนา
กินให้ไขมันจุกอกตายไปโลด
ไม่ต้องกลัว
ยังไงก็ดีกว่าอดตายนะ

ถึงไหนแล้วล่ะ

ถึงอู่สมจิตรเรอะ

เอ้าผมก็โผล่พรวดพราดเข้าไปเลยสิคุณ

เจ้าที่เจ้าทางเขาไม่รู้จักเราก็ช่าง
ดูสภาพอู่ที่กำลังโกลาหลเพราะคนเต็มไปหมดก็นึกเอาว่าเหมือนกำลังเข้าไปในวัด
เป็นที่สาธารณชน หาใช่ที่ส่วนบุคคลไม่
คนค่อนข้างมากจริงๆพลุกพล่านขึ้นลงเข้าออก
ทั้งปรุงอาหารคาวหวานทั้งทุบน้ำแข็งแบกขวดน้ำอัดลม
ทั้งชงน้ำปานะ ทั้งจับกลุ่มคุยกัน ทั้งปัดกวาดเช็ดถู
โกลาหลอลหม่านขนาดนี้ก็นึกรู้แน่แก่ใจว่าหลวงปู่รูปนี้ไม่ใช่เล่น
ลูกศิษย์เยอะ
ลำพังเจ้าของอู่คงมีกันแค่ไม่กี่คน ที่เห็นจนลานตาน่ะมาจากที่อื่น มารวมกันเพราะรู้ว่าหลวงปู่มาที่นี่

ไม่เกรงใจล่ะบุกขึ้นไปบนชั้น2ที่เป็นส่วนของที่พักเจ้าของอู่หน้าตาเฉย
ชะโงกประตูเข้าไปเห็นคนนั่งสลอนเต็มห้อง
หลวงปู่นั่งติดฝาอยู่ข้างในสุด

ผิดคาดเหมือนกัน

คือนึกว่าท่านจะรูปร่างสูงใหญ่ เหมือนที่เห็นในรูปถ่าย
ตัวจริงก็เท่ากับคนทั่วไปที่มีขนาดค่อนไปทางเล็กอีกด้วย
ใบหน้าผ่องใส ดูมีตบะบารมีที่ต้องเกรงๆกันในนาทีแรก
เหมือนจะดุเอาเรื่อง
แต่พอพูดด้วยจึงทราบว่าใจดี

แปลกที่ท่านไม่ถามไม่ซักว่าผมเป็นผู้ใดหวา มาทำไม มีธุระอะไร
ท่านคุยเป็นปกติเหมือนคุยกับคนอื่นๆ ทำให้นึกเข้าข้างตนไปว่าคนอื่นก็เพิ่งมาใหม่เหมือนกูล่ะวะ

จำไม่ได้ว่าคุยกันเรื่องอะไร
คงไม่มีแก่นสารสาระอะไรจึงไม่จำ

แต่มีเรื่องเดียวที่จำได้แม่น
คือขณะนั้นมีพรรคพวกทางสุรินทร์มาโม้ว่ามีนายทุนพร้อมจะจ่ายเงิน1ล้านบาท
ถ้าหากว่าใครมีของให้เขาลองแล้วยิงไม่ออก
เลยเล่าให้ท่านฟัง
ท่านฟังเงียบๆไม่โต้ตอบอะไร
หันไปล้วงย่ามกุกๆกักๆเอาไม้ไผ่ท่อนเล็กๆ ขนาดตะกรุดเขื่องๆสักหน่อยส่งให้ผม
“กะตุดไม้ไผ่ตัน” ท่านว่า

เป็นไม้ไผ่ตันจริงๆ แต่ก็ไม่ได้นึกเฉลียวว่าไม้ไผ่ตันจะเป็นของหายากหรือว่าของพิเศษพิสดารอะไร
มีรอยจารอักขระทั่วทั้งผิวไม้ไผ่
เหมือนตะกรุดจริงๆนั่นแหละ แค่เป็นไม้ไผ่ไม่ใช่แผ่นโลหะ

ก็เลยบอกท่านว่า
“ผมจะเอาอันนี้ไปให้เขาลองยิง ถ้าได้ตังค์ล้านนึงจะเอามาถวาย”
ท่านยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบไม่โต้สักคำ
แต่กลับจ้องหน้าผมเขม็ง
สักครู่ก็ยิ้มแล้วเอ่ยชวนผมไปเที่ยววัด
“ไปนะลูก ว่างเมื่อไหร่ไป”
ท่านอธิบายวิธีเดินทางและบอกเส้นทางอย่างละเอียดจนเป็นที่เข้าใจ
เมื่อผมรับปากท่านแล้วก็กราบลา

ส่วนเรื่องลองยิงชิงล้านนั้น
ก็เหลวเป๋วเหมือนเรื่องยิงเหล็กไหลจะให้เงินล้านนั่นเอง

คือไม่ได้มีการลองยิงกันจริง
เรื่องมันขี้โม้ทั้งนั้น พอเอาจริงก็หายไปกับสายลม
ตะกรุดไม้ไผ่ตันดอกนั้นต่อมามีคนมาขอ ก็ให้เขาไป
นึกแต่ว่าไว้ไปถึงวัดท่านเมื่อไหร่ค่อยขอเอาใหม่ก็ได้

ปรากฏว่าไม่มีอีกแล้ว

แต่ก็ยังโชคดีได้พระปิดตาไม้ไผ่ตันมาเก็บไว้แทน
คือท่านให้พวกลูกศิษย์เอาส่วนที่เป็นท่อนใหญ่เกินไปมาแกะเป็นพระปิดตา
ได้ยินว่ามีไม่ถึง20องค์
ผมได้มา4-5องค์ ตอนนี้เหลือองค์เดียวยังเก็บไว้เป็นจนทุกวันนี้

ไม้ไผ่ตันเท่าที่ได้ยินเขาเล่า เห็นว่าเป็นของพิเศษทำนองเดียวกับกะลาไม่มีตา
ถ้าเป็นไม้ไผ่ตันที่แท้ จะต้องตันทั้งกอ ตันตั้งแต่โคนยันปลาย
เสียดายที่ไม่ได้สนใจถามว่าจะไปหาไม้ไผ่ตันได้ที่ไหน
ที่ท่านเอามาทำเป็นของขลังแจกศิษย์ก็เข้าใจเอาเองว่าน่าจะได้มาจากฝั่งลาว

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน