จะเล่าเรื่องหลวงปู่พรหมา เขมจาโรให้ฟัง
อย่าเพิ่งง่วงกันล่ะ
ใครผลอยหลับจะไม่ได้ฟังเรื่องสนุก
กาแฟกินกันหลับมีให้ชงกินเพียบ
ขืนหลับกันหมด, คนเล่าหลับด้วยแน่
ทีนี้จะเล่าถึงวันขึ้นวัดครั้งแรก
จริงๆแล้วตอนนั้นไม่ได้เป็นวัด ไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้น ยังเป็นอะไรที่เถื่อนๆอยู่
พอกล้อมแกล้มเรียกได้อย่างเดียวว่าที่พักสงฆ์
แต่ติดปากว่าวัดก็เรียกวัดไป
ถ้าจำไม่ผิดในการเดินทางไปหาหลวงปู่ครั้งแรกนั้นไปกัน2คน
แค่ผมกับเฮียบัติ(ปัญญา โกวิทธวงศ์)เท่านั้น
สมัยโน้นเฮียบัติ40กว่า ส่วนผม30กว่า(2533-2534) แรงเยอะ ไปไหนไปกัน
โดยเฉพาะไปวัดแบบไปเองแล้วชอบมาก
ไม่ชอบแบบเขาหามไป
วัดไหนๆใกล้ไกลอย่างไรไม่เคยหวั่นไม่เคยกลัว
ไปได้หมด
หนทางจะปูพรมหรือปูระเบิดไม่สน
สมภารเจ้าวัดจะเป็นพระอรหันต์หรืออลัชชีไม่เกี่ยง
ทำนองว่ามันเป็นเรื่องของคนที่กำลังแสวงหาอะไรสักอย่างที่ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ถามกันเองว่านี่เราไปหาหอกอะไรก็บ่อยๆ
แล้วก็ตอบไม่ได้
เพราะมันไม่รู้ตั้งแต่แรก
ผมเคยภาวนาระลึกชาติได้ในตอนเช้าของวันที่ไม่มีอะไรกิน ณ สถานที่กันดารแห่งหนึ่ง กลางป่าที่ไม่มีกระทั่งน้ำจะอาบ
ระลึกได้ว่าชาติที่แล้วเฮียแกกะตัวผมเคยเกิดเป็นปาท่องโก๋
“กูก็ว่างั้น”เฮียบัติรับรอง
“นี่แค่เข้าฌานระดับประถมต้นเท่านั้นก็เห็นชัดแจ๋ว” ผมคุย
“มึงเสือกมาระลึกได้เอาอีตอนกำลังหิวพอดี, กลางป่ายังงี้จะหากาแฟปาท่องโก๋แดกได้ที่ไหน”
หิวจริงๆแหละครับ
นี่แหละที่ท่านว่าทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุและปัจจัย
มือใหม่หัดภาวนามักระลึกชาติกันเป็นว่าเล่น
คนที่จนขนาดแย่งหมาแดก ชอบระลึกชาติได้ว่าเคยเป็นมหาเศรษฐี
คนที่เห็นแค่หนูตัวเล็ก ๆวิ่งมาก็หวีดจนแทบเป็นลมสลบชอบระลึกชาติได้ว่าตนเป็นทหารเอก
พระนเรศวร
เป็นเรื่องของจนอยากรวยกับคนตาขาวระลึกหาความกล้าหาญ
ยังไม่นับพวกที่ระลึกชาติได้ว่าตนเป็นกษัตรากษัตรีแล้วชาตินี้มาหากินด้วยการรับจ้าง
เข้าทรง
ท่านถึงสอนให้อยู่กับปัจจุบัน
อย่างหลวงปู่แหวนว่าไว้แหละครับ
อดีตธรรมเมา อนาคตธรรมเมา
แต่กับคนบาปหยาบกิเลสแบบผมก็มีปัจจุบันเป็นธรรมเมาอีกด้วย
เมากันทุกวัน
จนโรงเบียร์ให้บัตรลูกค้าวีไอพีผู้ซื่อสัตย์ไว้พกติดกระเป๋า
เห็นหรือยังครับ
เห็นไหมล่ะว่าการเดินทางไปวัดหลวงปู่สมัยนั้นมันยากลำบากแค่ไหน
ยังไม่ออกเดินทางก็จะหมดเวลาเล่าเสียแล้ว
ไปไม่นานหรอก..เดี๋ยวมา
(สองฝั่งข้างทางระหว่างล่องเรือไปวัดหลวงปู่ มีน้ำตกใหญ่น้อยให้ดูตลอดทาง)