เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: เขาชื่อหาญ (สุนา แก้ววิจิตร) ตอนที่3
เอาล่ะจะเล่าเรื่องเขาชื่อหาญต่ออีกสักพัก
ไม่อยากเล่าจนลึกเกินไป ไม่รู้ว่าจะกระทบกับอะไรที่มันเปราะบางกันมั่ง
เหตุการณ์ต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับวัดโพธิและวัดเวินไซ วัดสำเร็จลุน
สมัยนั้นวัดโพธิเป็นที่ตั้งของกองทหารญวน
หาญกับพวกไล่ตีทหารญวนจากด้านนอกวัดเวินไซที่หนีพลางสู้พลางไปเรื่อยๆ
โดยหนีไปทางวัดโพธิ
เขาเล่าว่ามีเรื่องแปลกเกี่ยวกับคนแก่ในหมู่บ้านเวินไซที่มีการปะทะกันคนหนึ่ง
คนแก่คนนี้นั่งจักตอกอยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน
เขายิงกันวุ่นวายจนชาวบ้านแตกหนีหาที่หลบซ่อนกันหมด
แกก็ไม่ลุกจากแคร่ไปที่ไหน
หาญเล่าว่า
“ผู้เฒ่านั่นไม่กลัวปืน
เขายิงกันอยู่ต่อหน้าก็นั่งมองดูเฉย
ทั้งยังคอยตะโกนบอกพวกข้อยอีกด้วยว่า
นั่นญวนหลบอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนี้
พวกข้อยได้อาศัยแกชี้บอกเลยได้เปรียบ”
“สงสัยจะมีของดี” ผมว่า
“นั่นสิ แกน่าจะโดนปืนบ้างนะ”
หลังจากนั้นญวนก็ถอยหนีเข้าไปในวัดโพธิกันหมด
ลูกน้องหาญคว้าอาร์พีจีขึ้นเล็งยิงเข้าไปในวัด
“แปลกนะ ลูกอาร์พีจีมันพุ่งเข้าใส่วัด แต่พอจะถึงมันเชิดหัวขึ้นฟ้า,
ยิงไปสองลูกเป็นเหมือนกัน ข้อยเลยยิงเอง ก็เหมือนกันอีก
ข้อยจึงบอกลูกน้องว่าหยุดยิง ให้ค่อยคืบเข้าตีทีละน้อย”
ในที่สุดก็เข้าไปในเขตวัด ยิงไล่ทหารญวนวุ่นวายในนั้น
“มีพระมาตะโกนบอกข้อยว่า เกล็ดโพธิๆ..
ข้อยก็งงว่าเกล็ดโพธิอิหยังล่ะหัวพ่อ
พระก็บอกเก็บเอาๆ”
หาญจึงวิ่งเข้าไปที่ต้นโพธิแกะเอาเปลือกโพธิใส่กระเป๋าเท่าที่จะเอาได้
ในที่สุดทหารญวนก็แตกพ่ายหนีออกจากวัดไปหมด
ยึดวัดได้แล้วหาญก็กลับออกมา ปล่อยวัดไว้เหมือนเดิม
ภายหลังจึงได้แจกเกล็ดโพธิให้ลูกน้องแบ่งกันจนครบ ส่วนหาญเองบอกว่าเขากินเข้าไปเลยไม่ได้พก
ต่อมาได้พบหลวงปู่พรหมาที่ไหนสักแห่ง(ลืม)หลวงปู่ทักว่า
“ลูกเอ๊ย เจ้าไปล่วงเกินครูบาอาจารย์พ่อแล่วเด้อ”
หาญอธิบายว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องวัดโพธิหรือวัดเวินไซว่ามีความสำคัญอย่างไร
และไม่ได้บอกหลวงปู่ถึงเรื่องปะทะกับทหารญวนในวัด
แต่หลวงปู่กลับทักท้วงแล้วตำหนิกล่าวโทษ
จึงทราบว่าที่ต้นโพธินั้นคือที่เผาสังขารสำเร็จลุน และสำเร็จลุนคืออาจารย์ของหลวงปู่
หลายเดือนต่อมาหาญจึงมีโอกาสกลับไปขอขมาลาโทษที่ต้นโพธิ
ในขณะที่หาญเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง
ต้นโพธิเป็นความฝันของผมที่จะได้เห็นได้สัมผัส
ยากมากที่จะทำฝันให้เป็นจริง
ลาวในเวลานั้นยังปิดประตูบ้านเงียบ
ไม่มีทางจะเข้าไปได้โดยง่าย
มาสมประสงค์กันไม่กี่ปีนี้เอง
นั่นก็หลังจากตอนนั้นผ่านไปแล้วเกือบ20ปี
หาญเล่าไว้อีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์ระหว่างลาวกำลังจะแตก
ตอนนั้น(ไม่รู้ตอนไหน)กองกำลังลาวแดงบุกประชิดนครเวียงจันทน์ จะถึงขนาดล้อมนครหรือเปล่าไม่ทราบ
แต่ว่ามีการยิงสู้กันอยู่แถวๆนอกนคร
หลวงปู่พรหมาขณะนั้นพำนักอยู่วัดอะไรไม่ทราบ(ลืม)
อยู่ค่อนมาทางเหนือหรือใต้นครก็จำไม่ได้
กองกำลังของหาญก็ไปรวมตัวอยู่ที่วัดหลวงปู่
“วัดอยู่ตรงกลาง ฝ่ายรัฐบาลก็ยิงข้ามวัดไป ฝ่ายโน้นก็ยิงข้ามมา บางทีกระสุนก็ตกใส่วัด ทั้งอาร์พีจีหรืออื่นๆ แต่ไม่ีแตกไม่ีระเบิด หลวงปู่ฉีกจีวรแจกทุกคน ไมมี่อะไรจะให้
วัดหลวงปู่กลายเป็นที่หลบภัยของผู้หลักผู้ใหญ่ฝ่ายรัฐบาล เป็นที่สำหรับหนีมาขึ้นฮ.เพื่อหลบภัยออกนอกประเทศด้วย”
หลังจากนั้นไม่นานลาวก็แตกสนิท
กองกำลังของหาญก็สลายตัวหนีภัย
หลวงปู่ก็หายสาปสูญไปด้วย
เวลาผ่านไปนานเดือนนับปีจึงทราบข่าวว่าหลวงปู่ข้ามมาฝั่งไทย
ดูเหมือนว่าการมาถึงไทยครั้งแรกนั้นหลวงปู่จะเข้าพำนักที่วัดบุปผาวัน อ.โขงเจียม จ.อุบลฯ ปีสองห้าหนึ่งกว่า
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นปี2518หรือเปล่า
มีการออกเหรียญรุ่นแรกที่นี่ด้วย
ตามภาพ
หลังจากนั้นหลวงปู่ย้ายออกไปอยู่ทางเมืองเลย
พอมาอยู่ที่นี่วัดก็ลุกเป็นไฟจนอยู่ไม่ได้ต้องย้ายกลับอุบลฯ
เหตุการร้ายๆที่เกิดอยู่วัดทางเมืองเลยนี้รุนแรงมากถึงกับลอบยิงกันในวัด
เจ้าเปิ้ลเล่าว่าได้อยู่ปรนนิบัติหลวงปู่ที่นั่นด้วยจึงทราบ
มี2เรื่องที่นำภัยมาสู่หลวงปู่และวัดทั้งวัด
1.เรื่องใบ้หวย
2.เรื่องห้ามตัดไม้ทำลายป่า
เรื่องแรกก็คงเดาออกว่าขัดกับใครยังไง
เรื่องที่สองนี้ก็หนักหนาพอกัน คือพวกที่ต้องการตัดไม้ในเขตที่หลวงปู่พำนักนั้นเสียประโยชน์
แรกๆก็แค่ยิงขู่ หนักเข้าก็เอาจริงจะให้ตาย
เจ้าเปิ้ลบอกว่า
“ผมต้องจัดเวรยามระวังตอนกลางคืน แต่คนมีน้อย เลยติดตั้งสัญญาณเตือนภัย เอาเชือกขึงไปทั่วราวป่า ผูกกระป๋องใส่ลูกหินเอาไว้ ถ้ามีใครเดินมาสะดุดเชือกกระป๋องก็จะดัง”
ครั้งหนึ่งพลาดท่า มือปืนเข้ามาจนถึงตัว ยิงด้วยลูกซองเข้าเต็มหลัง
เจ้าเปิ้ลกระเด็นตกกุฏิ จุกเกือบตาย
พอลุกขึ้นมาก็ยิงสู้ มือปืนก็หนีไป
ตอนนั้นเจ้าเปิ้ลมีตะกรุด108ของหลวงปู่คาดเอวเส้นเดียว
ตะกรุด108นี้หลวงปู่พากเพียรทำให้ไม่กี่เส้น มีคนได้ไปไม่กี่คน ใช้ทองฝาบาตรเก่ามาตัดเป็นแผ่นแล้วจารม้วนถัก กว่าจะได้สักเส้นต้องเสียเวลามาก
หลวงปู่สมัยหลังมาอยูอุบลฯแล้วไม่ทำ
มีปรากฏว่าทำกันขึ้นมาเหมือนกัน แต่หลวงปู่แทบไม่ได้จารและลงมือเอง ให้ลูกศิษย์ทำแทนแล้วเสกให้
ได้ยินว่าขณะมาอยู่อุบลสมัยแรก วัดยังเงียบไม่มีคน ท่านทำให้ลูกศิษย์ทหารพรานคนหนึ่ง ลูกศิษย์คนนี้ไปทำงานคุมก่อสร้างตึกที่ข้างทุ่งศรีเมือง ถูกลอบยิงขณะยืนอยู่อยู่บนคานปูนชั้น2
ถึงกับเซ่อ ยืนตัวแข็ง ทำอะไรไม่ถูก ด้วยไม่รู้จะหลบไปทางไหน เห็นแค่คนยิง ปืนมันดังแป๊กๆ สักพักมันก็หนีหายไป
ตะกรุดเส้นนี้ตกอยู่ที่ผมในภายหลัง
ตามภาพตะกรุดเส้นนี้เลยครับ
Jun 18 2009