เรื่องเล่าหลวงปู่พรหมา เขมจาโร: ตะกรุดแขน
ต้องบอกว่าเมื่อผมเทียวไล้เทียวขื่อหาหลวงปู่พรหมาตั้งแต่สมัยท่านยังไม่เป็นที่รู้จักของใครต่อใคร
บนวัดมีแต่ผมกับลูกศิษย์ที่เป็นอดีตทหารลาวขาว ๕-๖ คน รวมทั้งพี่สุนาผู้เป็นหัวหน้าด้วยเท่านั้น
ถ้ามีมนต์เสกเป่าให้ภาพและบรรยากาศตอนนั้นกลับคืนมาได้คงดี
เพราะหลังจากท่านมีชื่อเสียงแล้วภาพเหล่านี้ก็ปราศนาการไปหมด
วัดที่เคยเงียบสงบก็เปลี่ยนไป
คนแปลกหน้ามากมายเข้าออกเป็นว่าเล่น
ทั้งที่หนทางยากลำบากแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อ
ท่านเป็นเหมือนแม่เหล็กดูดคนจากแดนไกลให้หลั่งไหลเข้าไปหา
ผมรับว่าช่วงนั้นไปอยู่บนวัดกับหลวงปู่มากกว่าอยู่บ้านตนเองนานเกือบ ๒ ปี
ท่านยังไม่มีพระเครื่องหรือวัตถุมงคลเป็นเรื่องเป็นราวที่เรียกว่าเป็นของท่านเองอย่างชัดเจน
มีแต่ของที่ทำขึ้นเอง และมอบให้กันเองเป็นส่วนตัว
ถ้าจะมีพระเครื่องก็ไปซื้อเอาพระกาละมัง พระนับร้อย ที่ท่าพระจันทร์ หรือวัดราชนัดดา มาเสกแจกลูกศิษย์ลูกหา
คนสะสมพระเครื่องรุ่นหลังของหลวงปู่คงจะงง
ไม่รู้จะแยกแยะอย่างไรว่าอันไหนหลวงปู่เสกไว้
เพราะมาจากกละมังใบเดียวกัน
นั่นจึงเป็นเหตุให้คิดสร้างพระเครื่องที่เป็นของท่านเองขึ้นมา
เริ่มตั้งแต่รุ่นแรกจริงๆที่เป็นพระสมเด็จ,องค์บดินทร์,พระรูป ร.๕,พระปิดตาพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่
สร้างแจกฟรีอีกด้วย
ก่อนหน้านั้นที่ได้คลุกคลีอยู่บนวัดกับท่าน
ไม่ได้ธรรมะธัมโมอะไรนักหรอก
ได้แต่ของขลังสารพัดอย่าง
ท่านทำขึ้นเองทั้งสิ้น
อย่างเช่นตะกรุดแขน .. ท่านจารตะกรุดเงิน๒ดอก ขวั้นเชือกร้อยตะกรุดด้วยตนเอง แล้วให้เณรไปเรียกผมให้ไปหา แล้วคาดแขนไห้
” คือนักฮบโบฮานน้อลูก”
(เหมือนรักรบโบราณนะลูก)
หลังจากนั้นผมก็เอาจีวรพันรอบเชือกร้อยตะกรุดพร้อมกับห่อหุ้มเกษาของท่านไว้ด้วยกัน ถักหุ้มอีกหน่อย เกิดเป็นสภาพตามที่เห็นนี้แหละครับ
ตะกรุดแขนนี้เคยคาดครั้งเดียว
คาดไปกราบหลวงปู่คำพันธ์
ซึ่งหลวงปู่คำพันธ์มองเขม็งที่แขนเสื้อ จนผมสะดุดใจ ว่าท่านก็มองอะไร
หลังจากนั้นก็ถอดเก็บไว้จนทุกวันนี้
—————————————–
Sep 14 2014