หลวงปู่ฉาบ เขมจิตฺโต

ก่อนที่จะเล่าเรื่องหลวงปู่ฉาบ เขมจิตฺโต ขอมีควันหลงอยู่กับเหรียญธรรมและพระแก้วมรกตหลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี หรือวัดภูจ้อก้อสักเล็กน้อย

คือมีผู้สอบถามไปที่ผมมากมายจนอยู่ไม่เป็นสุขว่าจะมีวิธีได้รับเหรียญธรรมกับพระแก้วมรกตอย่างไรบ้าง

คำตอบของผมตกวูบไปอยู่ในมุมอับที่เรียกว่ามุมจนด้วยเกล้า

เนื่องจากเหรียญธรรมไม่มีจำหน่าย เป็นของที่หลวงปู่หล้าท่านแจกฟรี ใครได้รับแจกจากท่านแล้วนับเป็นโชค ส่วนที่ยังไม่ได้รับแจกไม่รู้จะไปรับแจกกันได้ที่ไหน หลวงปู่ก็ไม่อยู่แจกให้ใครอีกแล้ว คงคาดหมายแต่เพียงว่า ที่วัดภูจ้อก็น่าจะยังมีเหรียญธรรมเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง แต่ผู้รับผิดชอบวัดภูจ้อก้อในวันนี้จะแจกหรือไม่แจกก็สุดที่จะบอกกล่าวได้

เคยถามเรื่องนี้ กับทางวัด คำตอบมักมีว่าเหรียญธรรมหมดแล้ว
หน่วยสืบราชการลับกลับยืนยันว่า ยังมี
ใครสามารถ จึงให้ไปแคะกันเอาเอง

ส่วนพระแก้วมรกตต้องทำใจลืมเสียเถิดครับ นี่นับว่าเป็นความผิดของผมเองที่ไปสืบหาพระเครื่องที่สร้างแค่ 80 องค์

คุณพิชย จารุทัศนางกูร เคยได้รับแจกเหรียญธรรมครั้งหนึ่งจากหลวงปู่หล้าได้คำรามถึงพระแก้วมรกตว่า “80 องค์ ก็เหมือนถูกฝังดินสาปสูญไปแล้ว”

ตอนนี้คอผมก็ตก สำนึกว่าได้ปลุกกิเลสตัณหาอยากได้ให้เกิดทั่วไปแล้วไม่บอกหนทางดับกิเลส

ที่ทำเช่นนั้นเพื่อหมายว่า ได้ลงมือบันทึกถึงพระเครื่องดีอีกรุ่นหนึ่ง ไม่ให้สูญไปจากความทรงจำของผู้ศรัทธาหลวงปู่หล้าเท่านั้น ไม่หมายไปอย่างอื่น

องค์หลวงปู่หล้า เขมปัตโต จะว่าไปแล้วท่านเป็นสุปฏิปันโนอันเลอเลิศอีกรูปหนึ่ง มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งวิชชาและจรณ เป็นผู้เข้าอยู่ในที่อันควรแก่เพศสมณเข้าถึงทั้งธรรมทั้งฌานอย่างไม่มีข้อ สงสัย

ถ้าการหยั่งรู้เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของผู้สำเร็จธรรมชั้นสูง หลวงปู่หล้าก็มีเครื่องมืออันนั้น

สมัยผมรถคว่ำที่อำเภอธาตุพนม หายเจ็บแล้วไปกราบหลวงปู่หล้า ท่านมองหน้าแล้วกล่าวลอย ๆ “ขับรถเหมือนกัน ให้ภาวนาพุทโธ จะได้ไม่มีอุบัติเหตุ” ผมกราบท่านอย่างซาบซึ้งตรึงใจในเครื่องมือหยั่งรู้ของท่าน

ครั้งที่สองยิ่งแสดงออกถึงเครื่องมือหยั่งรู้ได้ถนัดชัดเจนที่สุด กลางปี 2537 ไม่ทราบวันอะไร มีคนไปกราบท่านและถวายของมากมายเต็มที่รับแขก ท่านเปิดโอกาสให้ทุกคนอธิษฐานทานก่อนที่จะถวายพร้อมๆกัน

ต่างคนต่างมาจากทุกสารทิศ ต่างคนต่างอธิษฐานไปต่างๆนานา

ความเงียบจึงเกิดขึ้นในคนหมู่มากนั้นทันที ทุกคนยกมือขึ้นจบบนหัว ต่างคนต่างอธิษฐานไปนานาสุดแต่จะปรารถนา

ผมอธิษฐานว่า
“ถ้าบุญที่ได้ถวายปัจจัย 84,000 บาท เท่าพระธรรมขันธ์มีอานิสงส์จริง ขอให้ผมซึ่งหากว่าตายไปก็จงได้เกิดใหม่ในพุทธศาสนาทุก ๆ ชาติ”

สิ้นเสียงอธิษฐานในใจของผม ในท่ามกลางความเงียบนั้น ท่านก็โป้งขึ้นทันที
“คนเราไม่สมควรดูถูกตนเอง อันผู้ที่จะได้เกิดมาพบพุทธศาสนาล้วนแต่เป็นผู้มีบารมีมากพอสมควรจึงได้เกิด มาพบพระพุทธศาสนา ฉะนั้นจงอย่าดูหมิ่นตนเอง”

คำอธิษฐานของผมคงแปลกประหลาดกว่าคนอื่น ๆ ท่านจึงเมตตาแก่คำอธิษฐานของผม แลใช้เครื่องมือหยั่งรู้ทันที

ผมไม่เคยสงสัยในองค์ท่านเลย ไม่ตื่นตระหนกในเรื่องเหลือเชื่อนี้ด้วย และลุกลามมาถึงเหรียญธรรมกับพระแก้วมรกตที่ไม่สงสัยเช่นกัน

ควันที่หลงอยู่เห็นจะหมดควันแค่นี้

ต่อไปจะได้เล่าเรื่องหลวงปู่ฉาบ เขมจิตฺโต
ผู้เล่าคือ คุณรักษ์ มีแสง กองสอดแนมพระเครื่องดี ที่สืบและสอดเก่งจริง ๆ

โปรดอ่าน

ผ้ายันต์ข้าง กับเหรียญพระพิฆเณศ
หลวงปู่ฉาบ วัดคลองจันทน์
เกจิอาจารย์อายุเกือบร้อยปี ผู้สร้างยันต์ข้างจนขลัง
โดย…รักษ์ มีแสง

“โจรงัดบ้าน กวาดทรัพย์สินเกลี้ยง”
พาดหัวข่าวแบบนี้มีให้เห็นบ่อย ๆ
ลำพังชาวบ้านอย่างเราจะพึ่งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นจะไม่ไหว แต่เรื่องนี้น่าเห็นใจอยู่เพราะอัตรากำลังมีไม่พอต่ออัตราพลเมือง

หลวงปู่ฉาบท่านทราบถึงข้อนี้ดี โดยเฉพาะตามท้องถิ่นบ้านไกล ต้องอาศัยการดูแลตนเองเป็นใหญ่ ท่านจึงสร้างผ้ายันต์ช้างหรือพญาฉัตรทันต์ เพื่อหวังให้เป็นยามเฝ้าบ้านหรือเป็นมหาอำนาจให้ผู้ประสงค์ร้ายยำเกรง

ช่างเป็นเหตุบังเอิญจริงๆ เพื่อนผมคนหนึ่งได้พบท่านโดยไม่ได้ตั้งใจ รถคู่ชีพควบวกวนไปมาบนถนนลูกรังเล็ก ๆ เล่นเอาใจหายใจคว่ำ เพราะเส้นทางดังกล่าวแทบไม่พบบ้านเรือนผู้คน สองข้างถนนเต็มไปด้วยป่าหญ้า บางตอนของถนนคือหลุมที่เกิดจากฝน ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบที่ถนนกันดารจะพึงมีเมื่อสมัย 6-7 ปีที่ผ่านมา

สุดท้ายได้พลัดหลงเข้าสู่ตำบลห้วยงู ความตั้งใจที่จะเดินทางไปหาเกจิอาจารย์รูปหนึ่งสายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ที่ มีชื่อเสียงทางด้านมีดหมอก็เขวออกไปนอกเส้นทาง ถามชาวบ้านละแวกตำบลห้วยงู ก็ไม่ปรากฏว่ามีใครรู้จักเกจิฯ รูปนั้น คงบอกเป็นเสียงเดียวว่าในตำบลนี้มีหลวงปู่ฉาบอยู่องค์เดียวเท่านั้น หลวงพ่อหลวงปู่อื่นไม่มี จึงตัดสินใจมุ่งไปกราบหลวงปู่ฉาบแทน

พระครูเกษมชัยคุณ คือนามสมณศักดิ์ ส่วนฉายาคือ เขมจิตโต ปัจจุบันหลงปู่ฉาบ มีอายุได้ 94 ปี บวชมาแต่ พ.ศ. 2470 เรียวิชาอาคมมาจากอาจารย์หลายองค์หลายสำนัก เช่น วิชาฝังเข็มเรียนมาจากหลวงปู่อินทร์ วิชาน้ำมันเรียนมาจากหลวงปู่ดำ วัดโคกหม้อ นครสวรรค์ ฯลฯ

ครั้นพบหลวงปู่ฉาบแล้ว เพื่อนของผมมีศรัทธาฝากตัวเป็นศิษย์มาแต่นั้น

เมื่อปี 2518 หลวงปู่ฉาบได้สร้างผ้ายันต์ข้างเป็นครั้งแรกและก็หมดไปแล้วอย่างรวดเร็ว พร้อมประสบการณ์อันมากมายที่ผู้ได้รับผ้ายันต์ข้างต่างกล่าวขวัญถึง โดยเฉพาะเรื่องการเฝ้าบ้าน ค้าขาย และอยู่ยงคงกระพัน ทุกคนที่ยังไม่ได้รับผ้ายันต์ต่างร่ำร้องหาอยู่ไม่คลาย

เสาร์ 5 ปี 2536 คือการอุบัติของผ้ายันต์ รุ่น 2 โดยรักษารูปแบบเดิมของผ้ายันต์รุ่นแรก และมีสองสีคือ แดงกับขาว ซึ่งไม่ว่าผู้ใดเห็นผ้ายันต์แล้วมักชื่นชอบ เพราะดูราวกับว่าช้างจะมีชีวิตชีวา มีวิญญาณ และหากใครได้บูชาถวายกล้วย น้ำ สัปดาห์ละครั้งตามตำราช้างก็แทบจะมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ

หลวงปู่ฉาบจึงมักกล่าวในยามประสิทธิผ้ายันต์แก่ใคร ๆ
“ถ้าได้ยินเสียงร้องของช้างอยู่ในบ้าน ก็อย่าตกใจ”

เพื่อนผมคนนี้เจอเหตุการณ์แปลกๆ เกี่ยวกับผ้ายันต์คราวที่ได้รับมาใหม่ ๆ โดยได้กลิ่นมูลช้าง อบอวลอยู่ในบ้านหลายวัน อดแปลกใจไม่ได้ว่ากลิ่นมูลช้างมาจากที่ใด ครั้นไปตรวจดูที่หิ้งพระก็ได้กลิ่นโชยเข้าจมูกเป็นระยะ ด้วยความสงสัยจึงเปิดถุงห่อผ้ายันต์ดูพบว่ากลิ่นนั้นออกมาจากผ้ายันต์นี่เอง จากวันนั้นเป็นต้นมา ผ้ายันต์ได้นำไปใส่กรอบขึ้นหิ้งบูชาแทนที่จะเก็บไว้ในถุงพลาสติกอย่างเดิม

อีกรายหนึ่ง ชื่อ นายยอด มีกลอง บ้านอยู่หลังวัดดอนตูม ราชบุรี เล่าว่าต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงช้างร้องหลายครั้ง นายยอดบอกว่าได้ปลุกภรรยาให้ตื่นขึ้นมาฟังด้วยกัน ภรรยาจึงเป็นพยานร่วมเหตุการณ์อีกคนหนึ่ง

นายทิพย์ บ้านอยู่บึงกระจับ ราชบุรี ปัจจุบันทำงานในอู่ต่อรถบัสขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในอำเภอบ้านโป่ง ได้รับผ้ายันต์มาคราวเดียวกันกับนายยอด ได้เล่าว่า ได้ให้ผ้ายันต์แก่พ่อตาไปผืนหนึ่ง ซึ่งพ่อตานายทิพย์เป็นคนมีเพื่อมาก มักชุมนุมกันตั้งวงเหล้าตอนเย็นทุกวัน และก็เช่นเคยในเย็นวันหนึ่ง วงเหล้าเอิกเกริกด้วยเพื่อนฝูงมากันมาก ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ วงเหล้ายิ่งออกรสเรื่อย ๆ จนในที่สุดเหล้าก็เป็นเหตุให้คนดื่มเกิดมีปากเสียงกัน บรรยากาศเคร่งเครียดจนต้องหาวิธียุบวงลงในที่สุด

พ่อตานายทิพย์ ซึ่งมีเรื่องกับคนข้างบ้านที่มานั่งดื่มด้วยกันก็เข้านอน ก่อนนอนก็กราบผ้ายันต์ช้างเสียหน่อย ตกดึกไม่รู้เวลาอะไรฝนก็ยังตกหนักไม่หยุด พ่อตานายทิพย์รู้สึกตัวตื่นขึ้นได้ยินเสียงเดินหนัก ๆ บนบ้านด้วยความกลัวก็คิดไปว่าท่านจะเป็นช้างหลวงพ่อฉาบเสียกระมัง จึงหลับตาตลอดไม่ยอมลืมตา คงเปิดแต่หูจับสังเกตเสียงนั้นทุกระยะ ซึ่งเสียงเดินหนัก ๆ ก็มาหยุดที่หัวนอน พร้อมกับได้ยินเสียงแชะ แชะ เหมือนกับเสียงปืนไม่มีกระสุน ใจก็หวั่นอยู่แต่เรื่องช้างเพราะลูกเขยได้เกริ่นให้ทราบมาก่อนเสียงอะไรจะ ดังยังไงก็ไม่ลืมตาจนเสียงทุกเสียงเงียบหายไปและผลอยหลับต่อไปจนแจ้ง

ตื่นขึ้นมาตอนเช้าพ่อตานายทิพย์ก็ตกใจที่เห็นรอยเท้าคน เต็มหัวนอน ขนก็ลุกชันทันที รู้ว่าเมื่อคืนถูกลอบยิงเข้าแล้ว

อาจารย์วัดบ้านเชี่ยน ชัยนาท เคยบอกว่าผ้ายันต์ช้างหลวงปู่ฉาบกันปืนได้ นี่เห็นจะจริงดังท่านพูด

ผมไม่แน่ใจว่าที่วัดจะยังมีผ้ายันต์ช้างเหลืออยู่หรือไม่ หากต้องการติดต่อกับทางวัดให้ลองสอบถามไปตามที่อยู่นี้

วัดคลองจันทน์ ต.ห้วยงู อ.หันคา จ.ชัยนาท

ที่วัดท่านยังมีเหลือแน่นอนคือ เหรียญพิฆเนศหลังยันต์ช้าง ซึ่งวัดจำหน่ายเหรียญละ 50 บาท มีดหมอ เล่มละ 500 บาท พระปิดตายันต์ยุ่ง องค์ละ 100 บาท พระพุทธลีลา องค์ละ 100 บาท

6349370416489100001

ใครจะคิดเห็นอย่างไรกับหลวงปู่ฉาบก็ตามเชื่อได้สนิทใจว่าท่านไม่ใช่พระโปรโมทก็แล้วกัน

กองสอดแนม รักษ์ มีแสง ได้สอดแนมหลวงปู่ฉาบมาแต่เพียงเท่านี้

มีที่จะต้องขยายความสักเล็กน้อยว่าเหรียญพิฆเนศนั้นหลวงปู่ฉาบได้กล่าวว่ามี คุณขลังเช่นเดียวกับผ้ายันต์ช้างทุกประการ ถ้าหากว่าผ้ายันต์หมดลงไปแล้ว เหรียญพิฆเณศใช้แทนได้ ดูเหมือนจะเป็นเหรียญพิฆเนศรุ่นแรกของหลวงปู่ฉาบอีกด้วย

ขอให้ได้รับเหรียญพิฆเณศโดยไม่มีอุปสรรคทุก ๆ คน

เอาใจช่วยได้แค่นี้แหละครับ….

ตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ประมาณปี 2537-2538

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน