หลวงปู่สรวง วรสุทโธ
หลวงปู่สรวง วรสุทโธ วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
—
เกี่ยวกับการสร้างพระอุโบสถที่วัดโพนเมืองน้อย อำนาจเจริญ ..
หลวงปู่อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องกลับไปสร้างพระอุโบสถไว้ที่วัดในบ้านเกิด และแวะเวียนกลับเป็นเป็นหลักยึดแห่งศรัทธาแก่สาธุชนบ่อยๆว่า เพราะความสลดใจที่ได้เห็นพระภิกษุในบ้านเกิดที่มีปรากฏอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแต่เป็นพระบวชใหม่โดยมาก บวชแล้วก็สึกออกไป หมุนเวียนแบบนี้เรื่อยมา
พระอุโบสถเป็นสถานที่ซึ่งก่อกำเนิดพระภิกษุ จึงเป็นสิ่งสมควรทำขึ้นไว้ เพื่อประโยชน์ในการสืบทอดพระศาสนาอีกทางหนึ่งต่อไป (ขณะนี้พระอุโบสถสร้างเสร็จแล้วรอสมโภชน์)
—
หลวงปู่มีเมตตาแสดงธรรมที่ตรงใจ (ซึ่งทุกวันนี้มักมีมรณานุสติเกิดขึ้นกับตนเองบ่อยๆ) คือเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และ การเวียนว่ายตายเกิด
กล่าวโดยสรุปก็คือ.. รูปร่างสังขารร่างกายนี้มันแก่ได้ เจ็บได้ และตายได้.. แต่วิญญาณไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
เมื่อสังขารร่างกายถึงคราววิบัติตั้งอยู่ไม่ได้ วิญญาณก็ทิ้งสังขารนั้นไปแสวงหาร่างกายใหม่ ไปปฏิสนธิใหม่
อุปมาเหมือนเสื้อผ้าที่สวมใส่จนเก่าขาดหมดสภาพก็ต้องถอดทิ้ง.. แล้วค่อยหาเสื้อผ้าใหม่มาสวมแทนของเก่า_เป็นธรรมดา
ทำให้ความกลัวตาย หรือความวิตกกังวลในสภาวะของการสิ้นใจตาย ซึ่งต่อไปจะมาถึงตน ผ่อนคลายไปได้มาก
—
หลวงปู่เล่าเรื่องบุญทานและอานิสงส์ผลทาน
เคยมีพระรูปหนึ่งรับถวายซองปัจจัย เมื่อเปิดซองแล้วไม่พบปัจจัย เป็นซองที่ว่างเปล่า ในขณะที่พระรูปอื่นๆ แม้กระทั่งหลวงปู่เอง ต่างก็รับถวายซองที่มีปัจจัยทุกรูป
พระรูปนั้นเกิดสงสัย ทำไมตนเองไม่ได้รับปัจจัย ได้รับแต่ซองเปล่า ?
หลวงปู่บอกว่า จะโทษเจ้าภาพไม่ได้ เพราะว่าเจ้าภาพไม่มีเจตนาทำเช่นนั้น ..ต้องโทษตนเอง ไม่มีบุญบารมีพอ หรือสร้างไว้ไม่มากไม่พอ จึงเป็นเหตุให้เจ้าภาพหลงลืม
—
พระไม่มีความจำเป็นจะต้องโฆษณาหรือป่าวประกาศให้โยมรู้ว่าตนเองพระดี .. โยมทั้งหลายสามารถที่จะรู้ได้เอง โดยไม่ต้องให้ใครบอกว่าพระรูปไหนน่ากราบไหว้ น่าเลื่อมใสศรัทธา
—
บุญทานนั้นหากทำโดยผู้มีศีลทั้ง ๒ ฝ่ายแล้ว อานิสงส์มากจนประมาณไม่ได้
พระมีศีลบริสุทธิ โยมมีศีลบริสุทธิ อย่างน้อยก็ศีล ๕ , บุญทานที่ทำแก่กันย่อมจะมีอานิสงส์มาก
(..เรื่องนี้ทำให้ผมนึกไปถึงหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ซึ่งองค์ท่านเล่าว่า เคยถวายปัจจัยบูชาพระธาตุพนมแต่ปางก่อน
จำไม่ได้ว่าองค์ท่านถวายจำนวนเท่าไหร่ แต่น้อยมากเมื่อเปรียบกับมูลค่าในสมัยนี้
ผลทานนั้นยังมีอานิสงส์อย่างใหญ่หลวง ให้องค์ท่านได้บวชจนตลอดชีวิต และสานุศิษย์ทั้งหลายต่างก็มีความเชื่อเกิดขึ้นว่า องค์ท่่านได้สำเร็จมรรคผลนิพพานแล้ว…)
—
สุดท้ายหลวงปู่สรวงได้บอกว่า ผลบุญประการต่างๆถ้ามี มักจะเกิดขึ้นเองเมื่อถึงเวลา
สมัยก่อนไปไหนมาไหน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็พาเดินกันไป ทุกวันนี้ก็มีผู้ใจบุญ มีศรัทธา ถวายรถยนต์ให้ นี่เป็นของมีเองเป็นเอง
คนเราไม่จำเป็นดิ้นรนเป็นทุกข์ ถึงเวลาจะมีเอง มาเอง แม้ไม่ดิ้นรนอยากได้ ก็จะมีมาให้เองเมื่อเวลานั้นมาถึง
******
นี่จึงเป็นเหตุให้ผมนึกเห็นว่า คนเป็นอันมากลำบากอยู่กับการทำมาหากิน และดำรงตนด้วยการเลี้ยงชีพประการต่างๆ ต่างปรารถนาจะได้รับความสบาย ได้รับสินทรัพย์ร่ำรวยกันทั้งนั้น
หลายคนเป็นทุกข์จนวันตาย
หลายคนเป็นทุกข์อยู่เพียงระยะเวลาหนึ่งจะช้าจะเร็วก็ตามสุดท้ายก็ได้รับความสุขสบาย
หลายคนไม่เคยต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มา ก็ยังได้รับความสุขสบายโดยง่าย บางคนได้รับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก
—
ใครไม่ทราบพูดไว้ – ต้นทุนคนเราไม่เท่ากัน – ท่าจะจริง
—
สิ่งที่เป็นสารประโยชน์ของใครของมัน คือการตั้งใจทำความดี ทำบุญสุนทานตามอัตตภาพ ไม่ให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ตนและผู้อื่นเป็นพอ
ต้นทุนของเราจะมีหรือไม่มีก็ช่าง เราไม่มีทางรู้ ที่เรารู้คือเราจะทำบุญทำความดีและทำทานในสภาวะปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นพอ
จะมีผลหรือไม่มีผลก็ช่าง
เรียกว่าไม่ทำบุญหวังผล
ไม่ว่าจะเป็นผลชนิดไหนอย่างไรก็ตาม เราไม่ต้องหวัง เพราะหากยังหวังเช่นนั้น > ตัณหาทะยานอยาก_ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ย่อมจะเจริญงอกงามจนยากที่กำจัดได้ ..
นี่เป็นความเข้าใจ,เป็นความเห็นของผม จะผิดถูกอย่างไร ขออภัยนักปราชญ์ทั้งหลายด้วย.