พระอาจารย์ไทผู้หยั่งรู้กรรมเก่า
ได้ยินว่า..
จรรยาบรรณโหรนั้น – ห้ามพยากรณ์ใครว่าจะถึงคราวตาย
แต่พระอาจารย์ไทพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ
ราวๆปี ๒๕๓๐ ผม,บวร และ เฮียบัติ นัดกันไปทำธุระที่เชียงใหม่ โดยมี >เฮียบิ< ล่วงหน้าไปคอยอยู่ที่นั่นแล้ว
ขณะนั้นกำลังคิดจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง ก็มีผู้แนะนำให้ไปหาพระอาจารย์รูปหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้)พำนักอยู่วัดเล็กๆหลังดอยสุเทพ
ร่ำลือว่าใครจะทำธุระกิจอะไร,จะซื้อที่ดินที่ไหน ชอบไปปรึกษาหารือกับท่านทั้งนั้น..
เขาบอกอีกว่าให้ซื้อลิโพวิตันดีไปถวาย ..ท่านชอบฉันลิโพฯ
—
เมื่อไปถึง-พบว่ามีพระภิกษุ ๒ รูป นั่งอยู่ด้วยกันในศาลา
ภิกษุรูปหนึ่งยังหนุ่ม อีกรูปหนึ่งสูงวัยกว่า
ผู้นำทางกระซิบเบาๆ ชี้เป้าไปที่องค์ซึ่งยังหนุ่มๆ
ผมก็คลานเข้าไปหาองค์นั้น.. จะเอาลิโพฯไปถวาย .. ท่านก็โบกมือห้ามไว้ ..โบ้ยไปที่พระภิกษุสูงวัย ..บอกผมว่าให้เอาลิโพฯไปถวายองค์นั้น
ท่านคงเห็นผมชะงัก และมีอาการลังเลสับสน ท่านจึงเอ็ดเบาๆว่า “..นั่นน่ะอาจารย์ฉัน..ท่านมาเยี่ยมพอดี ..มีอะไร สงสัยอะไร อยากรู้อะไร ให้ถามท่าน ”
ได้ยินเท่านั้นก็ถึงกับลิงโลดอยู่ในใจว่าวาสนาอะไรจะดีขนาดนี้
รีบคลานเข้าไป ยกถุงลิโพฯขึ้นจบหัวถวาย, ท่านรับเอาไว้,.. โดยที่ไม่ทันได้เอ่ยปากถามอะไรเลย ท่านก็มีบัญชาด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
” เอากระดาษปากกาขึ้นมาจด ! ”
บวรรีบควักกระดาษปากกาที่เผอิญพกมาด้วย..เตรียมจด
“..นางน้อย,นางหงส์,นางจันทร์ และตระกูลหงส์บุญทั้งหมด คือเจ้ากรรมนายเวร… วิธีแก้ ข้าวต้มเครื่อง ๑ หม้อ ,ขนมจีน ๗ ถ้วย, ไม้กวาด ๑ ด้าม เอาไปถวายพระ อุทิศให้คนทั้งหมดที่กล่าวนามมานี้ ”
” ผมไปทำอะไรให้พวกเขาหรือครับ..”
“..อย่าถาม มันลึกมาก ..เชื่อก็ทำ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องทำ ..จะไปทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาทำกับฉัน”
ท่านพูดจาสั้นๆห้วนๆ..ไม่ยืดยาดร่ำไร
เมื่อผมถอยออกมา บวรก็คลานเข้าไป ท่านมองหน้าบวรฯโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเช่นกัน..แล้วก็เอ่ยปากว่า
” ทำบุญทุกวันเกิดติดต่อกัน ๓ ปี อุทิศให้ยายหอม”
ครั้นบวรคลานออกมา ..เฮียบิก็รีบคลานเข้าไปมั่ง
ท่านชี้ใส่เฮียบิ
“พญามารหูกะตายะตา เจ้ากรรมนายเวร.. วิธีแก้..ใส่บาตรด้วยส้มเขียวหวาน ๑๕ ลูก ติดต่อกัน ๓ วัน อุทิศให้พญามาร”
“อาจารย์ครับถ้าผมใส่บาตรวันเว้นวันได้ไหมครับ บางวันตื่นสาย..”
“ไม่ได้..ถ้าไม่มั่นว่าจะทำต่อเนื่องได้ทั้ง ๓ วัน ก็อย่าเพิ่งทำ”
“ถ้าผมจะใส่ส้มไม่ครบ ๑๕ ลูก หรือว่าผมจะใส่เกิน ๑๕ ลูกจะเป็นไรไหมครับ”
“ไม่ได้.. ขาดก็ไม่ได้ เกินก็ไม่ได้”
“เมียผมตื่นเช้าทุกวัน..ถ้าผมจะให้เมียผมใส่บาตรแทนล่ะครับ”
” ไม่ได้.. ไม่เชื่อก็อย่าทำ..” ท่านเอ็ดตะโรเสียงดังลั่น, ชี้นิ้วใส่ท้ายทอยของท่านเอง “..เราน่ะ กำลังจะเป็นมะเร็งตรงนี้..จะตายในไม่เกิน ๓ เดือน ..ยังไม่รู้ตัวอีกรึ ? ”
—
คงต้องบอกว่า บุคคลิกของ -เฮียบิ- โดยเฉพาะวิธีพูดและการทำอะไรๆยียวนกวนประสาทแบบหน้าตายไร้ความรู้สึกนั้น สามารถทำให้ใครก็ตามที่คุยด้วย หลั่งน้ำกรดออกมากัดท้องไส้ตน จนเป็นโรคกระเพาะเอาง่ายๆ
—
ตกลงก็ไม่ได้ถามและไม่ได้รับคำตอบเรื่องธุระกิจที่กำลังจะลงทุน
กลับได้เรื่องได้ราวเจ้ากรรมนายเวร หรือ“กรรมเก่า“ของใครของมันมาแทน
—
ภายหลังจึงทราบว่าพระภิกษสูงวัยรูปนั้นคือพระอาจารย์ไท ฐานุตฺตโม วัดเขาพุนก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นทั้งศิษย์และเป็นทั้งหลานแท้ๆของหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมอีกด้วย
พระอาจารย์ไท ฐานุตฺตโม
(ภาพจากโพสต์ของ Wisansaya Roydee)
—
หลังจากกลับออกมาจากวัด ก็แวะเข้าไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่
เรื่องแปลกประหลาดก็เกิดแบบไม่คาด
เสือดำในกรงกว้างที่กำลังนอนเงียบอยู่นั้น พอเห็นเฮียบิปุ๊บ ก็ลุกขึ้นปั๊บ ปรี่เข้ามาประชิดลูกกรง แยกเขี้ยวคำราม จ้องเฮียบิตาเป็นมัน
เฮียบิเดินไปไหนก็เดินตามเหมือนอยากจะกินเฮียบิเต็มแก่
เฮียบิแกล้งเดินกลับไปกลับมา
เสือดำก็เดินตามกลับไปกลับมาเหมือนกัน
แปลกที่เสือมันไม่สนใจคนอื่นเลย
จ้องจะเล่นงานเฮียบิคนเดียว
—
วันรุ่งขึ้นเฮียบิออกไปใส่บาตรที่หน้าวัดพระสิงห์ฯซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พัก
พอเฮียบิกลับเข้ามา ผมก็นึกสังหรณ์ใจ ถามไปว่า
“เฮียบิ..ใส่ส้มเขียวหวานไปกี่ลูก”
” ๓๐ลูก..”
“อ้าว..หลวงพ่อท่านสั่งให้ใส่ ๑๕ ลูก อย่าขาดอย่าเกินไม่ใช่เรอะ”
“ผมว่า..ผมใส่ส้มไป ๓๐ ลูก น่าจะดีกว่า.. แต่ถ้าพญามารฯไม่โอเค.ผมก็ไม่สน..”
—
หลังจากนั้นราวๆเดือนกว่าๆ เฮียบัติโทรฯมาบอกผมว่า
“ไอ้บิแย่แล้ว..”
“แย่ยังไง”
“จู่ๆมันปวดหัว ไปหาหมอ ตรวจเจอมะเร็งอยู่กลางกระบาลเลย”
“แย่จริงๆ”
” มันคงปลงตก..วันๆไม่ทำอะไร ..ชอบจะไปนั่งเงียบๆคนเดียวอยู่ริมคลองหลอด ”
—
อีกเดือนกว่า เฮียบิก็เสียชีวิต ตรงตามที่พระอาจารย์ไทพยากรณ์ไว้ทุกประการ
—
ในส่วนของผมกับบวรก็คงคล้ายๆกัน คือไม่ถึงกับจะเชื่อที่พระอาจารย์ไทบอกทั้งหมด แต่พอเฮียบิป่วยเสียชีวิตไปจริง ก็บอกกันว่าต้องทำ
ผมรีบทำก่อนที่วัดป่าแสนสำราญ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี .. แต่บวรฯต้องรอวันเกิดอีกหลายเดือน
—
๖-๗ ปีต่อมา .. ได้เล่าเรื่องนี้ให้อ.อนันต์ สวัสดิสวนีย์ กับอ.เบิ้ม สุวัฒน์ พบร่มเย็น ฟัง
ทั้ง ๒ ท่านสนใจอยากไปกราบพระอาจารย์ไทหรือจะอยากไปสังเกตุการณ์ก็ไม่ทราบ
ระหว่างเดินทาง ผมก็บอกอาจารย์ทั้งสองว่า ผมจะลองถามท่านเรื่องกรรมเก่าของผม ถ้าท่านยังมีกรรมเก่าให้ผมอีกสักกรรม ผมก็จะว่าท่านอาจารย์ไทเป็นของเก๊
เมื่อไปถึงวัดเขาพุนก พระอาจารย์ไทกำลังรับแขกคนหนึ่งอยู่ เราก็รอจนแขกท่านนั้นกราบลากลับ จึงคลานเข้าไปหา
ท่านจำผมไม่ได้หรอกครับ
เพราะเคยเจอกันครั้งเดียวที่เชียงใหม่
ผมเองก็ยังจำหน้าท่านไม่ได้เลย
“มีธุระอะไร?”
“อยากให้หลวงพ่อดูกรรมเก่าของผม”
ท่านก็เอาปากกามาเขียนใส่กระดาษ เขียนวนไปวนมา ขยึกขยัก ผมก็แอบชะโงกดูว่าท่านเขียนอะไร
ไส้เดือนกิ้งกือครับ
ท่านขีดเขียนไปไม่มีสาระอะไรเลย เป็นเส้นเป็นสายแบบเด็กๆที่ยังเขียนหนังสือไม่เป็น ..เขียนสุ่มสี่สุ่มห้าเรื่อยเปื่อย
สักพักท่านก็หยุดเขียน ..เงยหน้าขึ้นมองผม แล้วบอกว่า
” ไม่มี… แต่ให้ระวังกรรมใหม่ที่จะเกิดจากปลายปากกา ”
ไม่อยากจะเชื่อเลย..
รู้อีกด้วยว่าผมคนหากินอยู่กับการเขียนหนังสือ
—
นี่เรียกว่าเป็นบุญวาสนา ..ได้พบเจอพระอาจารย์ของจริง,เก่งจริงอีกรูปหนึ่งเข้าให้แล้ว
แต่น่าเสียดายและเสียใจอย่างยิ่ง..ยังไม่ทันจะได้สานต่ออะไรๆจริงๆจังๆเลย
เพียงเดือนเศษๆหลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่า.. พระอาจารย์ไทมรณภาพแล้ว