บำเพ็ญ ณ อุบล
หลายปีมาแล้ว น่าจะราวๆปี2548-9 มีสัมมนาเชิงวิชาการที่โรงแรมเนวาดา อุบลฯ เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานในอุโบสถวัดทุ่งศรีเมือง
พระประธานองค์นี้ไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมา องค์พระประธานประดิษฐานอยู่ในอุโบสถมานานแค่ไหนไม่มีผู้ใดให้ความสนใจสืบทราบ
วันหนึ่งความแตกออกมาว่าพระประธานองค์นี้เป็นเงินทั้งองค์
ด้วยทางวัดคิดบูรณะลงรักปิดทองใหม่
พอลอกทองเก่าออกเนื้อเงินสุกปลั่งก็ปรากฏออกมา
ตื่ื่นเต้นกันทั้งบ้านทั้งเมือง
รายการสัมมนาวันนั้น มีขึ้นเพื่อหาข้อสันนิษฐานและวินิจฉัย เกี่ยวกับพระพุทธรูปองค์นี้เป็นสำคัญ
มีการออกบัตรเชิญผู้รู้และประชาชนเข้าร่วมสัมมนามากมายหลายกลุ่ม
ข้าพเจ้าได้รับเชิญด้วย แต่ปฎิเสธอย่างเป็นทางการไปว่าไม่เข้าร่วม ด้วยเจียมตัวว่ามิใช่ผู้มีความรู้ความสามารถในเชิงโบราณคดี
ทราบว่าแม้ผู้เชื้อเชิญเองก็หาได้รู้จักหน้าค่าตาข้าพเจ้าไม่ ทราบแค่ชื่อ ไม่ทราบตัว
จึงเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้โอกาสลักลอบเข้าไปแฝงตัวในหมู่ประชาชนที่เป็นคนส่วนมาก
ได้เห็นและฟังผู้รู้ถกกันเป็นที่สนุกเพลิดเพลินโดยสบายใจ
พ่อบำเพ็ญ ณ อุบล เป็น 1 ในหลายๆท่านที่เป็นหลักของการสัมมนา ได้แสดงความเห็นไว้น่าฟังที่สุด
เป็นความเห็นที่ต้องฝ่าฟันคำโต้แย้งสงสัยจากคนอื่นอยู่นานนับชั่วโมง
แม้ความเห็นนั้นจะไม่มีหลักฐานรองรับ
แต่ก็เป็นความเห็นที่ทุกคนยอมรับว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด
ความอดทนเยือกเย็นต่อคำโต้แย้ง ควบคุมอารมณ์ได้อย่างนิ่งสนิท
เป็นภาพเป็นเสียงที่ข้าพเจ้าประทับไว้ในความทรงจำ
และได้นำมาถือเป็นแบบอย่างเมื่อจะต้องรับฟังคำโต้แย้งที่ไม่เห็นตรงกัน
ทำให้เกิดการเรียนรู้เพื่อจะเสริมสร้างวุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนเป็นผู้ใหญ่
ด้วยเห็นชัดเจนว่า ตัวเรายังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตดังที่เขากล่าวเอาไว้จริงๆ