หลวงปู่ขาว อนาลโย ตักเตือน มิให้ทำกรรมชั่วทุจริต คดโกงชาติบ้านเมือง
ลูกหลานศิษยานุศิษย์กราบเรียนถาม : หลวงปู่…ทำไม สมัยนี้คนชอบทำบาปทุจริตกันมาก
หลวงปู่ขาว : ดูจะตั้งหน้าตั้งตาทำกันเป็นล่ำเป็นสันจริง ๆ ใครไม่ทำบาป ทุจริต เท่ากับไม่เต็มคน กลายเป็นคนขาดบาท ขาด เต็งไป..ลองคิดดูก็แล้วกัน สมมุติว่ามีเงินจริงตามกฎหมายรับรองอยู่ ๕ บาทและมีเงินปลอมรวมอยู่ด้วย ๑๐ บาท หลานจะเอาเงินจำนวนไหน
หลาน : เอาจำนวนเงินจริง ๕ บาท ปู่
หลวงปู่ขาว : ทำไมไม่เอาจำนวน ๑๐ บาทเล่า
หลาน : ไม่เอา เพราะเอามาแล้วก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ดีไม่ดีถูกเขาจับก็ยิ่งจะเป็นโทษใหญ่เพิ่มเข้าอีก ส่วนเงินจริงได้มาเท่าไรก็สำเร็จประโยชน์ตามจำนวนของมัน ทั้งไม่เกิดโทษแต่อย่างใด มีมากเท่าไรยิ่งดี
หลวงปู่ขาว : นี่แหละหลาน ระหว่างคนดี คนสุจริต กับคนชั่ว คนทุจริตก็เช่นเดียวกับเงินปลอม แม้มีจำนวนมาก กับเงินจริงแม้มีจำนวนน้อย ใคร ๆ เขาไม่ปรารถนาคนชั่วคนทุจริต แต่คนดีคนสุจริต (ไม่ว่าจะ) มีมากน้อย (เพียงใด) โลกต้องการและปรารถนากัน คนชั่วคนทุจริต (ไม่ว่าจะ) มีมากน้อย (เพียงใด) ย่อมเป็นภัยแก่ส่วนรวมตลอดประเทศชาติ มิใช่ของดี ยิ่งมีมากและมีอำนาจอิทธิพลมากเท่าไรก็ยิ่งทำความชั่วเสียหายได้มาก ดีไม่ดี คนและสมบัติทั้งประเทศอาจอยู่ในเงื้อมมือหรืออยู่ในปากในท้องเขาหมด บ้านเมืองล่มจมได้เพราะคนชั่วคนทุจริตไม่อาจสงสัย ส่วนคนดีคนทุจริตมีมากน้อยย่อมเป็นคุณแก่ส่วนรวมตลอดประเทศชาติ ยิ่งมีอำนาจและอิทธิพลมากก็ยิ่งทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและประเทศชาติได้มาก ใครก็ต้องการและปรารถนากันทั่วโลก
ฉะนั้น คนประเภทนั้นจึงมิใช่เป็นคนดีวิเศษและน่านับถืออะไรเลย แม้เขาจะไปเที่ยวคดโกงรีดไถมาได้มากเพียงไร ก็อย่าหลงยินดีและอัศจรรย์เขา นั่นคือสมบัติเป็นพิษแก่ตัวเอง ครอบครัวตลอดไปถึงลูกหลานเหลนไม่มีประมาณ นั่นเป็นสมบัติกาฝากคอยดูดซึมผู้เป็นเจ้าของใหัเสียคนไปโดยลำดับทั้งปัจจุบันและอนาคตไม่มีจบสิ้น นั่นคือสมบัติปลอมย่อมเป็นโทษทัณฑ์แก่ผู้แสวงมามากน้อยเช่นเดียวกับธนบัตรปลอมที่มีมากน้อยในครอบครองนั่นและอย่าไปหลงยินดี ซึ่งเท่ากับหลงจับไฟ จะร้อนและแผดเผาเจ้าของไม่มีจบสิ้นลงได้
หลาน : คนที่มั่งมีเพราะการแสวงหาดังกล่าวมาก็เห็นเขาอยู่สบาย ยังมีหน้ามีตามีคนเคารพนับถือมากมายนี่ปู่
หลวงปู่ขาว : การมีหน้ามีตา มีคนเคารพนับถือนั้น มิใช่ฐานะจะไปลบล้างบาปกรรมที่เขาทำได้ หน้าต้องเป็นหน้า ตาต้องเป็นตา เคารพนับถือก็ทราบว่าเคารพนับถือ แต่ชั่วต้องเป็นชั่ว บาปต้องเป็นบาป ทุจริตต้องเป็นทุจริต โทษต้องเป็นโทษ ไฟต้องเป็นไฟ จะนำมาลบล้างกันไม่ได้
ถ้าได้ธรรมะก็มิใช่ธรรม ธรรมต้องเป็นบ๋อยของกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะตัณหาไปนานแล้ว บาปต้องไม่มีเพราะถูกการทำชั่วทุจริตสังหารเอาเกลี้ยง สัตว์โลกไม่ต้องมีทุกข์มีบาปติดตัว นรกก็แตก ถูกกิเลสทำลายหายสูญ
แต่ความจริงไม่เป็นเช่นความเสกสรรนั้น ต้องเป็นความจริงตลอดไปไม่เป็นอื่น เพราะความจริงไม่เคยเป็นน้อยและอยู่ใต้อำนาจของผู้ใด ฉะนั้น ธรรมจึงเป็นธรรมเสมอมา ไม่มีอะไรลบล้างได้
ด้วยเหตุนี้หลานปู่ จงเป็นหลานปู่ อย่าเป็นหลานชั่ว หลานทุจริต ทำลายบาปกรรมและหม้อนรกให้แตก และอย่าเป็นหลานของความโลภมากได้เท่าไรไม่พอ เที่ยวคดโกง ทุจริต รีดไถด้วยเล่ห์กลต่าง ๆ เวลาตายสมบัติปลอมกองมหึมาเท่าภูเขายังจะตามเผาผลาญเข้าอีกให้ลงนรกหลุมไหน ใคร ๆ ไม่อาจมีญาณทราบได้
จึงรีบระวังตัวกลัวบาป เดินตามจอมปราชญ์ผู้มีปรีชาญาณอันแหลมคมเสียแต่บัดนี้ ยังมีชีวิตอยู่ก็ดี เป็นสุขใจ เวลาตายไปก็เป็นสุข ความดีที่สร้างมาตามสนับสนุนให้มีแต่ความสุขความสำราญบานใจ ไม่มีฟืนไฟบาปกรรมตามแผดเผา เพราะความเชื่อพระพุทธเจ้าและทำตามศาสนธรรมอันเป็นทางราบรื่นดีงาม จัดเป็นคนฉลาดโดยธรรม นำตัวไปสุคติคือโลกทิพย์ไม่สงสัย ดีกว่าคนเสนียดจัญไรหลายร้อยเท่าพันทวี ซึ่งดีแต่คุยโม้โอ้อวดด้วยลวดลายว่าฉลาดแหลมคม เวลาเข้าตาจนแล้วกไม่ผิดอะไรกับนักโทษในเรือนจำ
หลานจำไว้ให้ถึงใจอย่าได้ลืมว่า ไม่มีใครฉลาดแหลมหลักนักปราชญ์ชาติอาชาไนย มองเห็นการณ์ใกล้และการณ์ไกลยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า จงยึดท่านเป็นหลักชีวิตจิตใจ อย่าได้ลดละปล่อยวาง จะเป็นสิริอุดมมงคลแก่หลานเองและส่วนรวมไม่มีประมาณ ปู่นี้แก่มากแล้ว ไม่นานก็จะตาย ลูกหลานจะได้สืบศาสนาไปนาน โลกจะไม่ว่างจากความสงบสุขและความเป็นปึกแผ่นมั่นคงสืบ ๆ กันไป เอาละขอจบเสียที
คำถามคำตอบปัญหาธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
จากหนังสือ “อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ขาว อนาลโย”
หลวงปู่ขาว อนาลโย เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานในวันจันทร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖ สิริอายุ ๙๕ ปี ๖๔ พรรษา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับไว้เป็นศพในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอดตั้งบำเพ็ญพระราชกุศล ๗ วัน พระราชทานโกศโถฉัตรเบญจาตั้งประดับ และพระราชทานเพลิงศพวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๗ ในวันพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่ขาว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธาน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นั้น ปรากฏว่า วัดถ้ำกลองเพล ซึ่งมีอาณาบริเวณหลายพันไร่กลับคับแคบไปถนัดใจ ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันมาถวายสักการะสรีระร่างของท่านนับเป็น จำนวนแสนคน นับเป็นประวัติการณ์สูงสุดของประเทศทีเดียว
ภาพมงคลบูรพาจารย์ ๒ พระมหาเถระ อาจารย์และศิษย์ : หลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ