ไดโนเสาร์ที่ภูกุ้มข้าว
ไม่ได้พูดเหลวไหลนะจ๊ะ
ไดโนเสาร์ที่ค้นพบซากของมันในประเทศไทยนั้น เป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่ามีอายุเก่าแก่ที่สุด
รองลงไปเป็นเก่าอันดับ2 ซึ่งยังคงอยู่แถวๆบ้านใกล้เรือนเคียงกับเรา ก็คือที่ค้นพบในจีน
ปู่เกิดมาจนอายุปูนนี้ไม่เคยรู้จักเรื่องที่น่าตื่นเต้นนี้เลย
ถ้าเป็นบ้านอื่นเมืองอื่น
เรื่องที่น่าภาคภูมิใจอย่างนี้เขาคงกล่าวขวัญและอวดอ้างกันทุกวัน
จนทั่วโลกต้องลุกขึ้น พากันมาร่วมตื่นเต้นตกใจด้วย
แต่เมื่อเป็นบ้านเราก็เป็นตรงกันข้าม
เป็นกันอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
บางทีจะคอยนึกเจียมตนว่าเราไม่มีอะไรดีเท่าเขาหรอกกระมัง
จะว่าไปแล้ว, เดิมที หากมีการพูดถึงไดโนเสาร์ ปู่จะนึกว่ามันเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอยู่เฉพาะต่างประเทศ เหมือนคนอื่นเขานึกนั่นแหละ
เท่าที่มีข่าวว่าพบทรากหรือรอยเท้าของมันในเมืองไทย ก็ไพล่คิดว่ามันคงหลงทางมาตายอยู่บ้านเราไม่กี่ตัว
เรียกว่าแค่พอทำให้รู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ ว่าบ้านเราก็มีกะเขาเหมือนกัน
ที่ไหนได้พอไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สิรินธร(พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ภูกุ้มข้าว จ.กาฬสินธุ์ )
จึงได้หายโง่
หูตาพลันสว่างไสว
เมืองไทยนี่เองที่เป็นดงไดโนเสาร์
จะโม้ให้ถึงขนาดว่าเมืองไทยเป็นแหล่งกำเนิดไดโนเสาร์ก็ได้
รับรองไมมี่ฝรั่งนักวิชาการหน้าไหนจะกล้ามาลงมือเถียง
เพราะเหตุนี้
การค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จึงเป็นเหตุที่ทำให้ประวัติศาสตร์ไดโนเสาร์ ต้องถูกรื้อขึ้นมาเขียนกันใหม่
ปกติแล้วถ้าเราท่านพูดถึงไดโนเสาร์เมื่อไหร่ ก็มักจะนึกเห็นไดโนเสาร์ที่เรียกว่าไทรันโนเซอร์ก่อนเพื่อนจริงไหมจ้ะ
ไดโนเสาร์วงศ์ไทรันโนเซอร์กลุ่มแรกวิวัฒนาการขึ้นมาในโลกเมื่อ 130 ล้านปีมาแล้ว
และสูญพันธ์ไปเมื่อ 65 ล้านปีมาแล้ว
ไดโนเสาร์ตระกูลไทรันโนเซอร์นี้หน้าตาเป็นไงกันน้อ
ก็ตัวที่โหดสุดๆในหนังจูราสสิคพารค์นั่นแหละ
ตัวนี้เลยจ้ะ
ส่วนตัวนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์สิรินธร
ดูแล้วเห็นไงจ๊ะ
สำหรับปู่พอได้เห็นหน้ามันชัดๆถนัดตาแล้ว ก็นึกรู้ได้เลยว่า ตัวนี้เป็นพ่อของตัวที่อาละวาดอยู่ในหนังจูราสสิค พาร์คอย่างไม่ต้องสงสัย
ไทรันโนเซอร์นี่เองที่มีถิ่นกำเนิดและมีถิ่นอาศัยอยู่ในเมืองไทยก่อนที่อื่นไหนในโลก
ปู่พูดแบบนี้สงสัยว่าจะมีใครไม่เชื่อบ้างปู่บ้างไหมน้อ
หลายปีก่อนไปเที่ยวเสียมเรียบ
ไปดูปราสาทหิน,นครวัต-นครธม
มีรูปสลักไดโนเสาร์ปรากฏอยู่ที่ปราสาทหลังหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้)
ปู่ตื่นเต้นเป็นหนักเป็นหนา
เขมรก็มีไดโนเสาร์เหมือนกันรึ?
ต้องมีซีล่ะ
ไม่งั้นจะรู้จักสลักรูปของมันขึ้นมาได้ไงแม่นบ่
ก็ด้วยโง่ดักดานนั่นแหละ
โง่เพราะไม่รู้ว่าภูมิภาคแถบนี้เคยเป็นแหล่งเจริญพันธ์ของพวกมันมาก่อน
ไทรันโนเซอร์เป็นไดโนเสาร์ประเภทกินเนื้อ
ดุสุดๆ
ถ้าเป็นคนขนาดปู่นี่ สงสัยว่ามันคงกินแค่คำเดียวไม่ต้องเคี้ยวให้เมื่อย
ไทรันโนเซอร์ตัวแรกที่มีการค้นพบในโลกก็อยู่ในเมืองไทย
เขาเรียกชื่อมันว่า”สยามโมไทรันนัส อีสานเอนซิส” อยู่ในยุคครีเอเทียส คือ 130 ล้านปีที่แล้ว
ถือว่าเก่าแก่ที่สุดเท่าที่ได้มีการค้นพบ
ส่วนอันดับ2เรียกว่าตี้หลง พาราคอกซัส อายุ 128 ล้านปี พบในจีน
ต่อมาก็พบเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆจนถึงมองโกเลีย
อายุก็เป็นน้องเมืองไทย ไล่เรียงไปเป็นรุ่นๆ
จนในที่สุดก็ไปโผล่ที่ยุโรป(ประเทศอังกฤษ)และอเมริกาเหนือ
จึงเกิดข้อสันนิษฐานว่าไดโนเสาร์สกุลนี้มีถิ่นกำเนิดเริ่มแรกในเอเซีย แล้วกระจายออกไปทั่วโลกจนไปถึงอเมริกาเหนือ
แล้วค่อยสูญสิ้นเผ่าพันธ์ไปเด็ดขาดเมื่อ65ล้านปีที่แล้ว
บางคนอาจสงสัยว่าไดโนเสาร์ไปโผล่ที่อเมริกาี่ได้ไง
มันว่ายน้ำ้ข้ามทะเลได้เชียวหรือ
วิสัชนาได้ง่ายมากจ้ะ
แผ่นดินที่เป็นเอเซียกับยุโรปในสมัย 100 ล้านปีก่อนมันเป็นแผ่นดินเดียวกัน
ภายหลังเปลือกโลกเกิดการพลิกผันเปลี่ยนแปลง
จึงถูกตัดขาดจากกันอย่างที่ได้เห็นในวันนี้
จริงๆแล้วถ้าจะลงมือขุดค้นหาซากไดโนเสาร์เพิ่มเติมให้มากกว่าที่พบเห็นในบัดนี้แล้ว
เชื่อว่ามีให้ขุดอยู่ทั่วไปหมด
แต่อย่างว่าแหละจ้ะ..ก็เรามันจน
แถมหน่วยงานท่องเที่ยวหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ก็อาจไม่มีศักยภาพเท่าี่ที่่ีควร
หรือไม่ก็ไม่ได้สนอกสนใจสักเท่าไหร่ คือเป็นแบบ..แบบว่า..ตามวิสัยของคนบ้านเราส่วนใหญ่
คนที่เหมือนแบบเด็กๆที่ร้องคร่ำครวญว่าเมื่อไหร่จะพาไปเดินห้างนั่นแหละ
เด็กพวกนั้นพอโตขึ้นมาก็ยังเผลอตัวเดินเข้าห้างได้ทุกวี่ทุกวันจนแก่ตายคาห้าง ก็คงจะมี
ความจริงเรื่องฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์นี้
แม้คนไทยไม่สนใจใยดี(เว้นแต่พวกที่คิดจะเอากระดูกไดโนเสาร์มาทำปลัดขิก)
ฝรั่งและคนชาติอื่นเขาสนใจกันเยอะ
พิพิธภัณฑ์ทำนองนี้ในเมืองนอก มีคนเข้าชมทุกวัน วันละเป็นจำนวนมาก
ถ้าทำขึ้นมาดีๆเยอะๆมีหวังเงินสกุลต่างๆทั่วโลกสะพัดในเมืองไทย
เหมือนนครวัตนครธมนั่นแหละจ้ะ
คนเขมรไม่ได้ตื่นเต้นอะไรสักเท่าไหร่
คนตื่นเต้นกับปราสาทหิน ก็มาจากบ้านอื่นเมืองอื่น
พากันหอบเงินมาโปรยที่นครวัตนครธมทุกวัน
เดี๋ยวเดียวเท่านั้นเสียมเรียบก็ใหญ่โตโอ่อ่าอย่างรวดเร็ว
ลงไปเดินในถนนแล้วงง..เอ๊ะ…นี่เรากำลังเดินอยู่ประเทศใดเล่าหวา
ไหมล่ะ..ชัยภูมิก็ยังเป็นอีกที่ซึ่งไดโนเสาร์เดินเพ่นพ่านทิ้งรอยเท้าเอาไว้
แถมเก่าหนักเข้าไปอีกตั้ง210ล้านปี
ความที่บ้านเราเคยมีไดโนเสาร์เยอะแยะไปหมด
บางทีจะเพราะเหตุนี้ที่เขาเรียกว่า”ไดโนเสาร์เต่าพันปี”จึงยังสืบทอดกันมา ไม่หายสูญไปไหน
วันๆก็เดินสวนกันไปมาอยู่ขวักไขว่
บางทีก็ยืนขวางซอยจนซอยคับแคบลงถนัดใจ
ขวางเอาไว้ไม่ให้ใครเดินถนัดยังงั้นแหละ
ใครจะทำไม
——————————————————————–
ปู่ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สิรินธรก็โดยไม่ตั้งใจจริงจัง
เรียกว่าไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้
ขึ้นอยู่กับเวลาจะมีหรือไม่มี
(พอไปแล้วก็ดีใจว่าไม่ต้องมานึกเสียใจทีหลังที่ทำเป็นเมินไม่สน..)
คือวันนั้นน่ะ วันอาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง(13 กย 52)ปู่มีธุระที่วัดพุทธมงคลของหลวงพ่อหนูอินทร์
เอาวัดเป็นสถานที่นัดพบกับพรรคพวกจากคนหนึ่งที่กำลังเดินทางมาจากกรุงเทพฯ
ปู่ไปถึงวัดตั้งแต่ 11 โมงเช้า แต่พรรคพวกยังมาไม่ถึง โทรฯบอกกันว่าจะถึงราวๆบ่าย2 แล้วจะรอกันให้แหง่กอยู่ที่วัดทำไม
ไปเที่ยวดีกว่า
สถานที่ตั้งพิพิธภัณฑ์สิรินธรนั้นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกาฬสินธุ์จนเกินไป
ราวๆ40-50 กม.(ลืมจดรายละเัอียด)
รถวิ่งเดี๋ยวเดียวก็ถึง
ไปง่ายมาง่ายสบายดี
พอไปถึงก็เห็นนักไต่เขากลุ่มหนึ่ง มีผู้ใหญ่นำทีมมา แล้วก็เด็กๆอีก2-3คน
มากันพร้อมพรักน่ารักมาก
เครื่องมือไต่เขาก็เอามาด้วย
ดูป้ายทะเบียนรถที่บรรทุกทั้งคนทั้งเครื่องมือมาไต่เขาภูกุ้มข้าวนี้ เห็นว่ามาจากมหาสารคาม
พอประกอบเครื่องมือเสร็จก็โจนทะยานขึ้นเขากันอย่างกระปรี้กระเปร่า
น่าสนุก
เสียดายไม่ได้เอา Blur xc คู่ขาคู่ดากคู่ก้นมาด้วย
ไม่งั้นได้แจมกะเขาจริงๆพับผ่า
ปู่ไม่ได้มีธุระกับหลวงพ่อหนูอินทร์ จึงไม่ได้เข้าไปรบกวนท่าน
พอดีตอนนั้นเข้าใจว่าท่านอาจจำวัดอยู่ด้วย
ก็เดินเล่นเพ่นพ่านตามประสาลูกหลานไดโนเสาร์เจ้าเก่า
หลวงพ่อแอบเห็นยังไงไม่ทราบ
ท่านออกมาจากกุฏิเดินบ่นๆดัง
เดินเพ่นพ่าน มองซ้าย มองขวา เหมือนกัน
“อำพลมารึ..อำพลมาใช่หรือเปล่า”
ได้ยินเสียงบ่นของท่านแบบพ่อแม่บ่นหาลูกหา่หลานที่มันไปเล่นซนที่ไหนกันล่ะวะ
เลยรีบลุกขึ้นจากท่านอนแอ้งแม้งหลบมุมในที่สัปปายะ จะหาทางตัดช่องน้อยแต่พอตัว คือจะแอบงีบสักงีบ
พอลุกขึ้นมาจากม้าหินอ่อนที่กำลังอาศัยนอนไสยาสน์ (อยู่ใต่ร่มไทรหน้ากุฏหลวงพ่อนั่นแหละิ)
ท่านเห็นก็กวักมือเรียกแล้วพาเข้าไปคุยกันในกุฏิ
เลยได้ถวาย”พระโมคคัลลาน์เนื้อพิเศษ”ท่านไป 1 องค์
ท่านสนใจมาก
ทั้งส่องกล้องแล้วก็ถือพิจารณาในมือเป็นนานสองนาน
ทีนี้ปู่จะพาเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์สิรินธร
พอจอดรถในลานจอดเรียบร้อยก็เดินนิดหน่อย แค่ไม่เกิน 300 เมตร ไม่พอเหงื่อซึมหรอกจ้ะ
ส่วนอันนี้เป็นทางขึ้นเขาไปชมหลุมที่เขาขุดเจอทรากไดโนเสาร์
จะเดินลุยขึ้นไปก็ได้
จะขับรถขึ้นไปก็ได้
ตรงนี้เป็นด้านหน้า
ทางขึ้นไปชมนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์
ขึ้นไปเลยจ้ะ
ขณะนั้นกำลังมีบรรยาย เกี่ยวกับเรื่องราวของไดโนเสาร์ ให้นักเรียนนักศึกษาฟังกันเต็มห้องโถง
บรรยายอยู่ตรงหน้าไทรันโนเซอร์พันธ์ไทยแท้
มันคงนึกว่าจะตัดสินใจกินใครก่อนหลังดีหวา
ความจริงใจอยากลงนั่งฟังกะเขาด้วย
แต่เวลาไม่เหลือเฟือขนาดนั้น
จึงเดินมุดเข้าห้องโน้นออกห้องนี้เรื่อยเปื่อย
ส่วนใหญ่แทบทุกห้องก็แสดงของจริงให้ชม
คือกระดูกไดโนเสาร์ที่ขุดได้นั่นแหละ
ทางพิพิธภัณฑ์ยังเก็บรักษาเครื่องไม้เครื่องมือในการทรงงานของสมเด็จพระเทพฯ ไว้ให้เราได้ชมเป็นบุญตาอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์สิรินธรนี่เปิดให้เข้าชมฟรีนะจ้ะ
ข้างในจัดวางข้าวของไว้เรียบร้อยสวยงาม
ดีกว่าบางแห่งที่เก็บสตังค์ค่าดูซะอีก
หลุมขุดค้นกระดูกไดโนเสาร์อยู่บนเขาภูกุ้มข้าว
ก็ชมฟรีอีกเหมือนกัน
ป่าสองข้างทางจะมีไดโนเสาร์ซุ่มอยู่หว่างแมกไม้น่าดูไปอีกแบบ
จะว่าไปไดโนเสาร์ไม่ได้ใหญ่โตจนเกินกว่าช้างเขื่องๆสักเชือกหรอกจ้ะ
ในเมื่อทุกวันนี้สัตว์ขนาดใหญ่อย่างช้างยังไม่สูญพันธ์
นั่นยังพอทำให้นึกเห็นภาพของไดโนเสาร์ได้บ้าง
หากว่าทุกวันนี้ไดโนเสาร์ยังมีชีวิตอยู่
บางทีจะมีหมู่บ้านคนเลี้ยงไดโนเสาร์เกิดขึ้นอีกหลายแห่ง
เจ้าตัวคอยา่วก็อาจถูกจับเอามาขี่เล่น
แล้วก็เอาไปเต้นอโกโก้ที่สวนนงนุช
ส่วนไทรันโนเซอร์ทีึ่ว่าดุๆก็ฝึกจนเชื่องแสนรู้ซะเลย
ทำอานผูกหลังมันไว้แล้วขี่เล่นได้เหมือนม้า
ท่าทางจะไปเร็วมาเร็วไม่อืดอาดเหมือนช้างอีกด้วย
ส่วนเจ้าตัวเล็กขนาดตี้ีหลงก็เอาไว้เฝ้าบ้านแทนหมา
ถ้าอยู่ป่าก็ฝึกเอาไว้ล่าสัตว์แทนหมาเหมือนกัน
นั่งกินข้าวต้มเพลินๆก็จะมีไดโนเสาร์เดินมาเต้นตามเสียงเพลง
เราก็ซื้ออ้อยซื้อกล้วยให้มันกิน
เลี้ยงทั้งไดโนเสาร์และเจ้าของของมันไปด้วยกัน
เทศบาลชักรำคาญก็ออกกฏห้ามไดโนเสาร์ขอทานเข้าเมือง
ไดโนเสาร์โดนรถชน
ไดโนเสาร์ตกท่อระบายน้ำ
เป็นภาพที่เห็นกันทุกวัน
ไม่มีใครตื่นเต้น
เห็นเป็นของธรรมดา เหมือนเห็นช้างพเนจรทุกวันนี้แหละจ้ะ
ดีว่ามันมาชิงสูญพันธ์ไปก่อน
เลยรอดตัวไป
ส่วนภาพสุดท้าย
เป็นฟอสซิลรอยเท้าแปลกๆ
ปู่เป็นคนค้นพบเอง
ไมรู้ว่าเป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์พันธ์ไหน
บางทีรอยนี้จะเก่ากว่าที่เจอในชัยภูมิก็ได้นะจ๊ะ