สติ สัมปชัญญะ
– ๑ –
สติกับสัมปชัญญะนี้สำคัญมาก
พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นธรรมที่คุ้มครองโลก
หมายความว่าคุ้มครองตนนั่นแหละ
ต่างคนต่างมีไว้คุ้มครองตน
ทุกคนก็ปลอดภัย
โลกปลอดภัย
นี่ว่ากันแบบหยาบๆนะครับ
เอาเป็นที่เข้าใจง่ายๆตามประสาชาวบ้านแบบเราท่าน
ถ้ายอมรับว่าศีลเป็นปฐมกาลแห่งกำเนิดสติสัมปชัญญะแล้ว
เมื่อมีความพร้อม มีโอกาส เราสมควรจะให้ความสนใจเรื่องศีลกันไหม
หากว่าศีลมีความสมบูรณ์ไม่บกพร่องเสียแล้ว สมาธิก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
–๒–
ผมมีความเห็นอยู่ข้อหนึ่ง ที่อาจไม่เหมือนใคร
คือเมื่อนึกไปถึงพระอาจารย์จี๊กงที่วันๆเอาแต่กินเหล้าทั้งวันนั้น ผมเห็นว่านั่นเป็นการฝึกฝนดำรงตนอยู่ในสติสัมปชัญญะอีกวิธีหนึ่ง
คนอื่นๆอาจจะเห็นเป็นเรื่องอภินิหารว่าทำไมกินเหล้าขนาดนั้นไม่เมา
ถ้าเรามองประเด็นอิทธิฤทธิปาฏิหารย์ พระอาจารย์จี๊กงจะต้องมีมนต์เสกเหล้าให้กลายเป็นน้ำ
ทำให้กินเหล้าไม่เมา
หากเป็นเช่นนี้ พระอาจารย์จี๊กงต้องเสกเหล้ากินกันทั้งวัน วันละหลายๆครั้ง
เหล้ากลายเป็นน้ำแล้วจะเมาได้ยังไง
จริงๆแล้วเสกเหล้าให้กลายเป็นน้ำ ไม่ทำให้รวยได้
เสกน้ำให้กลายเป็นเหล้าสิ รวยแน่
ผมว่าพระอาจารย์จี๊กงกินเหล้าขนาดนั้นยังไงท่านก็ต้องเมา
คนเราลงมีอันได้เมาเหล้าแล้ว สติสตังขาดกระจุยป่นปี้ทั้งนั้น
แต่ท่านอาจารย์กลับไม่
ยังคงมีสติสัมปชัญญะแจ่มใสเหมือนเสกเหล้ากินแทนน้ำจริงๆ
เรื่องขาดสตินี้ อย่าว่าแต่เมา ทุกขเวทนาอื่นๆทั้งหลายก็ทำให้ขาดสติได้
ความไข้เจ็บ ความปวดทรมาน สารพัดสารเพล้วนทำให้ขาดสติได้เช่นกัน
ผมใช้คำว่าขาดสตินะครับ
ใช้สำหรับคนที่ฝึกหัดตนจนมีสติแล้ว แต่อาจจะยังไม่แก่กล้ามั่นคงพอที่จะเอาตัวรอดได้ในภาวะเช่นนั้น
พอเจออาการเมา เจออาการเจ็บปวดรวดร้าว เจอทุกข์สารพัดทุกข์ หรือแม้แต่เจอความน่ากลัว น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
สติขาดผึงได้ทันที
แต่ถ้ามีสมาธิแล้ว สมาธิประคองสติได้ สติก็ประคองสมาธิได้
เรื่องสมาธิกับสติ เรื่องสติกับสมาธิ ต่างเกื้อกูลกันอย่างไร เอาไว้ก่อน ไว้คุยในหมวดสมาธิที่จะว่าต่อไปทีหลัง
ในกรณีของพระอาจารย์จี๊กงนั้น ผมเห็นว่าท่านฝึกสติสัมปชัญญะกับอาการเมา
ท่านทำเช่นนั้นทุกวันจนกระทั่งอาการเมาไม่สามารถล่วงเกินสติสัมปชัญญะของท่านได้
ต่อไปเมื่อเจออาการอื่นใดที่นอกเหนือไปจากอาการเมาก็ไม่สำคัญแล้วครับ
สติสัมปชัญญะของท่านอาจารย์จี๊กงย่อมแก่กล้าจนแม้วินาทีที่ท่านจะละขันธ์สิ้นลม
หลวงพ่อชาเองเคยพูดว่า
กินเหล้า! ไม่เท่าไหร่ ถ้ากินให้มันเป็นยา กินแล้วไม่ให้ขาดสติ
แต่เรื่องฆ่าสัตว์นั้นห้ามขาด อย่าทำ ไม่ให้ทำ
ผมจึงเห็นได้ที
เลยมีสติสตึอวดดี กล่าวอสัจจะธรรมหลังแก้วเหล้ากะเขามั่ง
“เหล้ามา ปัญญาเกิด”
อันนี้ช่วยโยนลงถังขยะด้วยครับ
อย่าเอาไปใช้
–๓–
อย่าลืมนะครับ
สติสัมปชัญญะนี้สำคัญมาก
ต้องให้มันมีกับตัว ให้มันเติบโตแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ
สติสัมปชัญญะนี้สำคัญมาก
ต้องให้มันมีกับตัว ให้มันเติบโตแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ
สติจะสร้างสมาธิแบบอัตโนมัติให้เอง
เหมือนศีลสร้างสติโดยอัตโนมัติเช่นกัน
สติสัมปชัญญะเป็นเพียงชื่อเป็นเพียงนาม ที่สมมุติขึ้นมาเพื่อใช้เรียกอาการที่เป็นสติสัมปชัญญะ ให้รู้จักเข้าใจตรงกันในแง่ของการสื่อสาร
ดังที่หลวงพ่อชาท่านเปรียบให้ฟังว่า
อาการที่เรียกว่าร้อนนั้น
ต่างก็เรียกกันไปต่างๆนาๆ
คนไทยเรียกร้อน ลาวเรียกฮ้อน ฝรั่งเรียกhot
เรียกกันไปคนละภาษา
แต่พอถูกน้ำร้อนลวกมือเข้าให้แล้ว
มันเป็นภาษาเดียวกัน
ครูบาอาจารย์อย่างเช่นหลวงพ่อชายังย้ำยังบอกไว้เสมอว่า
สติสัมปชัญญะสมาธิมันเป็นอันเดียวกัน
เหมือนด้ามมีด ใบมีด คมมีดและสันมีด มันอยู่รวมกันเป็นมีดเล่มเดียวกัน
สติสัมปชัญญะจึงสำคัญมาก
วิธีเดียวที่จะทำให้สติสัมปชัญญะเกิดและเติบโตในตัวของเรา คือต้องกำหนดข้อบังคับให้เราถือปฏิบัติ
ข้อบังคับนี้เรียกว่าศีล
เราท่านยังเป็นฆราวาสยังต้องหาอยู่หากินเลี้ยงปากเลี้ยงครอบครัวก็เอาแค่ศีล5
สติสัมปชัญญะก็จะมีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
ศีลเปรียบเป็นด้ามมีด ถ้ามีดไม่มีด้ามให้จับ เราจะใช้มีดนั้นทำประโยชน์ได้ง่ายๆอย่างไร
กิเลส ตัณหา อุปทาน มันต้องใช้ยิ่งกว่ามีดธรรมดาทั่วไปจึงจะสามารถฟาดฟันบั่นให้ขาด
ต้องมีดวิเศษที่ชื่อไตรสิกขา
ซึ่งช่างตีมีดเล่มนี้ได้ตีทิ้งเอาเอาไว้ให้เราได้หาทางใช้ ชื่อว่าสิทธัตถะ
มีดแห่งศีล สมาธิ และ ปัญญา
Jun 25 2009,