พญานาคมีจริงหรือไม่ ?
ยังมีท่านผู้หนึ่งซึ่งเชื่อว่าพญานาคมีจริง
จนกระทั่งได้กล่าวกับผมว่า
“ถ้ามีใครว่าพญานาคไม่มีจริง ให้มาบอกผม ผมจะไปเถียงกับมัน ผมเห็นพญานาคมากับตาตนเอง 2 ครั้ง ผมขอยืนยันว่า พญานาคมีจริง”
ท่านผู้นี้คือ นายบุญตา หาญวงศ์ ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอุบลราชธานี (ประธาน กกต. อุบลฯ)
ท่านได้เห็นพญานาคด้วยตาตนเองที่บ้านเกิด
คือที่บ้านบ่อน้อย อ.เชียงยืน จ.อุดรธานี
โดยได้เขียนเรื่องประสบการณ์ในการพบเห็นพญานาค
ไว้ในหนังสือที่ระลึกในคราวเกษียณราชการในตำแหน่งนายอำเภอเดชอุดม จ.อุบลราชธานี ในวันที่ 21 สิงหาคม 2531
“เมื่อข้าพเจ้ามีอายุประมาณ 5 ขวบ จำความได้ดี บิดาได้ไปช่วยญาติดำนาที่นาทาม (นาในที่ล่ม)
ท่านได้พาข้าพเจ้าไปด้วย ซึ่งเวลานั้นข้าพเจ้ายังเดินไม่คล่องสำหรับพื้นที่นานั้นท่านจึงให้ข้าพเจ้าขี่คอ
ทางที่จะไปนาของญาติต้องผ่านหนองใหญ่ประจำบ้าน
เรียกว่า หนองเลิง
มีความกว้างและลึกพอสมควร มีร่องน้ำไหลผ่าน
ชาวบ้านได้สร้างทำนบปิดกั้นร่องน้ำไว้เพื่อให้ระดับน้ำในหนองสูงขึ้น
ชาวบ้านได้ใช้ทำนบนี้เป็นทางเดินผ่านไปมา
แต่ในตอนนั้นเป็นฤดูฝนน้ำมากจนล้นหนองและท่วมทำนบประมาณหัวเข่า
ชาวบ้านก็ยังคงอาศัยทำนบนี้เป็นทางสัญจร แม้จะต้องเดินลุยน้ำก็ตาม
เนื่องจากว่าเส้นทางนี้จะลัดสั้นกว่าทางอื่น
วันที่เห็นพญานาคนั้นเป็นเวลา 5 โมงเย็น
บิดาและข้าพเจ้ากำลังลุยน้ำบนทำนบจะกลับบ้าน
ข้าพเจ้ามองเห็นสัตว์ 2 ตัว คล้ายงูขนาดใหญ่ประมาณเสาหน้า 4”-5” มีสีเขียวทั้งตัว
แต่พื้นท้องเป็นสีแดงสลับขาว ตั้งแต่คางถึงหาง
ตัวหนึ่งมีหงอนคล้ายไก่ตัวผู้ อีกตัวมีหงอนตูม ๆ คล้ายไก่ตัวเมีย ทั้ง 2 ตัวกอดเกี้ยวเล่นน้ำเสียงดังตูมตามอย่างสนุกสนาน ทำให้น้ำเกิดระลอกคลื่นซัดมาไม่ขาดระยะ
ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจประสาเด็ก
ไม่เกิดความกลัวและถามบิดาว่านั่นอะไร
บิดาข้าพเจ้าเอามือตีขาข้าพเจ้าเบาๆ และกระซิบว่า ไม่ต้องพูด ดูเฉย ๆ แล้วก็ยังคงค่อยๆ พาข้าพเจ้าเดินห่างออกมาเรื่อย ๆ
ส่วนข้าพเจ้าได้แต่เหลียวดูจนสัตว์ 2 ตัวนั้นอยู่สุดสายตาแล้วหายไป
เมื่อกลับถึงบ้านได้เล่าให้มารดาฟัง บิดาก็ห้ามไม่ให้ทั้งมารดาและข้าพเจ้าพูดเรื่องนี้ ซึ่งข้าพเจ้าไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไร”
นี่เป็นการเห็นครั้งแรก
ส่วนครั้งที่ 2 นั้น ท่านประธาน กกต. บุญตา หาญวงศ์ ได้เห็นในขณะอายุประมาณ 15 ปี
“ข้าพเจ้าเข้าไปเรียนหนังสือในตัวจังหวัด ซึ่งอยู่ไกลจากบ้าน 10 กว่ากิโลเมตร
ตอนนั้นโรงเรียนปิดเทอม 15 วัน จึงเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเวลานั้นน้ำในห้วยหลวงจวนเจียนจะล้นฝั่งแล้ว เพราะว่าเป็นฤดูฝน
ข้าพเจ้าได้พำนักอยู่ที่บ้านจนถึงเวลาโรงเรียนจะเปิดเทอม บิดาจึงเดินมาส่งข้าพเจ้า
ในช่วงที่จะข้ามห้วยหลวง ขณะที่ข้าพเจ้าและบิดากำลังเดินข้ามห้วยหลวงโดยอยู่บนสะพานไม้ ก็มองเห็นงูขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกำลังพันหลักไม้ที่โผล่พ้นน้ำ (หลักต้อน) กลางห้วย
งูใหญ่ตัวนี้มีขนาดใกล้เคียงกับที่ข้าพเจ้าเคยเห็นตอนอายุ 5 ขวบ คือ ประมาณเสาไม้หน้า 4”-5” และเป็นงูที่มีลักษณะคล้ายกับที่เคยเห็นด้วย คือมีหงอนตูมเหมือนไก่ตัวเมีย มีลำตัวเป็นสีน้ำตาล ข้าพเจ้าถามบิดาว่า นั่นงูอะไร บิดาก็ห้ามข้าพเจ้าไม่ให้พูดอะไร ให้อยู่เงียบ ๆ
เมื่อข้ามสะพานพ้นแล้วก็เดินไปจนไกลจากงูตัวนั้นประมาณ 200 เมตร ข้าพเจ้าก็เห็นงูตัวนั้นคลายขนดลำตัวจากการพันหลักไม้ออก แล้วลอยตามข้าพเจ้าและบิดามาจนทัน แล้วจากนั้นก็ลอยด้วยความเร็วเท่ากับการเดินของข้าพเจ้าและบิดา โดยอยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร จนกระทั่งข้าพเจ้าถึงที่หมาย คือบนฝั่งที่พ้นจากน้ำท่วม งูตัวนั้นก็เหหัวลอยจากไป
แปลกที่ลักษณะการลอยตัวของงูใหญ่นั้นเป็นการลอยทื่อๆ ตรงๆ เหมือนท่อนไม้ ไม่คดไปมาเหมือนงูทั่วไป”
นี่เป็นประสบการณ์ที่ท่านประธาน กกต. บอกว่า ทำให้เกิดความเชื่อว่าพญานาคมีจริง
ถ้าพูดถึงงูมีหงอนแล้ว ในเชิงชีววิทยาไม่มี
แต่ก็มีการกล่าวถึงงูมีหงอนในนิทานเรื่อง “พรานงูเหลือม” ซึ่งเป็นเหตุให้นักวิจัยเห็นว่าพญานาคนั้นมาจากงูเหลือม
นิทานเรื่องนี้กล่าวว่า งูเหลือมเมื่อมีอายุมากจะมีหงอน 7 หงอน จะอยู่ป่าไม่ได้ ต้องลงไปอยู่ในน้ำและกลายเป็นนาค
ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว งูเหลือมแม้จะแก่เฒ่าแค่ไหนก็จะไม่มีหงอน ดังนั้นการโยงงูเหลือมให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า พญานาคเกิดจากงูเหลือมจึงไม่เป็นความจริง และยังขัดแย้งกับกำเนิดพญานาคในพระไตรปิฎกอีกด้วย
เรียกว่าไม่เป็นความจริงทั้งแง่ความเชื่อ และในแง่ของชีววิทยา
ถ้าหากมีความเชื่อว่าพญานาคเป็นเทพตระกูลหนึ่งในชั้นภุมมานัง มีสภาวะเป็นทิพย์ มีทิพยอำนาจ สามารถเนรมิตกายได้หลายรูปแบบแล้ว ความพยายามที่โยงพญานาคให้มีตัวตนกับสัตว์ในโลกชีววิทยาจึงไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับผี ซึ่งไม่อยู่ในภาวะของชีววิทยา แต่เป็นภาวะที่ไม่มีตัวตนในโลก จึงไม่สามารถโยงได้
แต่กระนั้นตำนานหรือนิยายเรื่องแดร๊กคิวล่า หรือแฟรงเก้นสไตน์ ก็เป็นเรื่องที่โยงเอาผีมาเชื่อมกับมนุษย์ได้อยู่บ้าง
ทว่านั่นก็เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการอย่างแท้จริง
ผิดกับผีและพญานาค
ซึ่งแม้เกิดเป็นรูปธรรมด้วยจินตนาการเหมือนกัน
แต่มีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่าพญานาคมีจริง