พระเกษร-อาจารย์คำผุก
คุณพ่อสมาน บุ่งเคล้า สมัยยังเป็นสามเณร เคยอยู่กับจารย์ปู่คำผุกเป็นเวลา ๕ ปี
ตอนนั้นจารย์ปู่คำผุกเป็นผ้าขาว
คุณพ่อสมานได้รู้เห็นและได้เล่าเรื่องอภินิหารของจารย์ปู่คำผุกที่น่าสนใจหลายเรื่อง
ถามท่านว่าเพราะอะไรจึงไปอยู่กับจารย์ปู่คำผุก
ท่านก็ว่าได้ยินชื่อเสียงจารย์ปู่คำผุกจึงไป เพราะอยากมีครูบาอาจารย์เก่งๆเป็นของตนเองบ้าง
อภินิหารแรกที่ได้เห็นคือเรื่องการเสกพระเกษร ซึ่งได้ช่วยจารย์ปู่คำผุกทำกับมือจำนวนหนึ่ง มีปริมาณเต็มบาตร
หลังจากเสกไปรอบหนึ่ง จารย์ปู่คำผุกเปิดฝาบาตรให้ดู ปรากฏว่าพระเกษรหายไปหมด มีแต่บาตรเปล่าๆ
จนกระทั่งเสกรอบสุดท้าย จารย์ปู่คำผุกเปิดฝาบาตรอีกครั้ง พระเกษรกลับมาอยู่เต็มบาตรเหมือนเดิม
——–
เมื่อวานนี้คุณพ่อสมาน กรุณานำวัตถุมงคลที่จารย์ปู่คำผุกเสกไว้มาให้ดู
มีทั้งของสำนักอื่นวัดอื่นหรือของคนอื่น แต่คุณพ่อสมานได้นำไปให้จารย์ปู่คำผุกเสกเพิ่มเติมอีก
กับของที่เป็นของจารย์ปู่คำผุกเสกคนเดียวไม่เกี่ยวกับใครอื่นรวมอยู่ในห่อผ้ายันต์ด้วยกัน
อย่างเช่น แหวน ,พระเกษร ที่ทำเป็นรูปพระสังกัจจายน์ ๒ พิมพ์ ใหญ่ กับเล็ก ,ตะกรุดคาดเอว และชิ้นส่วนสี่เหลี่ยมที่ยังไม่ได้แกะเป็นรูปอะไรของเขาควายฟ้าผ่า เป็นของจารย์ปู่คำผุกคนเดียว
วัตถุมงคลรูปแบบต่างๆของจารย์ปู่คำผุก เช่นตะกรุด, พระเกษร,สีผึ้ง หรืออะไรอื่นๆนอกจากนี้ โดยมากตกไปอยู่เมืองลาวเป็นส่วนใหญ่มากกว่าเมืองไทย
คุณพ่อสมาน บุ่งเคล้า เล่าว่าคนลาวแถวๆเวียงจันท์จะได้รับวัตถุมงคลจารย์ปู่คำผุกไปมากกว่าแถบอื่น
พระเกษร..ดูจะเป็นวัตถุมงคลที่มีจำนวนมากหน่อย ( เต็มบาตร ) บางทีหากทุกท่านจำพิมพ์ทรงและเนื้อหาให้แม่น อาจพบกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งในเมืองลาวและอีสานไทย โดยที่ผู้ครอบครองรุ่นปัจจุบันอาจถึงกับไม่มีใครทราบว่าเป็นของจารย์ปู่คำผุก
ลักษณะของพระเกษร ทำเป็นรูปพระสังกัจจายน์ มีมวลสัดส่วนประมาณ ๑ ข้อนิ้ว
(พระเกษร)