ทำไมหลวงตาสรวงอายุยืนและไม่แก่
หลายคนสงสัยว่าหลวงตาสรวงทำไมจึงมีอายุยืนยาวและไม่แก่
เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่อย่างไร ?
—
คนเป็นอันมากเชื่อว่าหลวงตามีอายุเกิน ๑๐๐ ปี
เชื่อเลยเถิดไปว่าอายุท่านมากกว่า ๕๐๐ ปีก็มี
คุณเรวัตร ทรัพย์คงมั่น(ปัจจุบันบวชเป็นพระภิกษุ)เล่าให้ผมฟังว่า
เคยติดตามหลวงปู่หงษ์ ไปกราบหลวงตาสรวงที่บ้านละลม
หลวงปู่หงษ์ได้บอกคุณเรวัตรว่า เคยพบและรู้จักหลวงตาสรวงมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยหลวงปู่หงษ์เองยังเป็นเพียงพระหนุ่มๆ
ตอนนั้นหลวงตาสรวงก็มีอายุ มีรูปร่างหน้าตาเหมือนในตอนนี้
ปัจจุบันหลวงตาหงษ์เป็นฝ่ายแก่เฒ่าลงไปอย่างมาก
แต่หลวงตาสรวงกลับไม่แก่
[คุณเรวัตร ทรัพย์คงมั่น สวมเสื้อสีเขียวสะพายย่าม]
—
เรื่องนี้ไม่มีทางอธิบายให้เป็นวิทยาศาสตร์ได้เลย
นอกจากจะแสดงความเห็นในเชิงไสยศาสตร์เท่านั้น
—
จะขอเล่าประวัติของหลวงตาสรวงตามที่ได้ฟังมาจากพ่อบุญเลิศสักนิดหน่อยพอสังเขป
เพื่อเป็นการปูพื้นฐานความเชื่อไว้ชั้นหนึ่ง
ก่อนที่จะแสดงคำเห็นว่า
ทำไมหลวงตาจึงมีอายุยืนยาว
และไม่แก่
—
พ่อบุญเลิศ บอกว่าหลวงตาได้เล่าให้ฟังด้วยปากท่านเองในคืนวันหนึ่ง ขณะที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง ๒ คน
หลวงตาสรวงเป็นชาวเขมรแท้ๆ
เกิดที่เขาพนมกิเลน(เขาลูกนี้เป็นต้นน้ำสายเดียวกับที่ไหลผ่านนครวัต)
ตอนเด็กๆพ่อแม่ให้ไปเฝ้าข้าวในนา คอยไล่นกไม่ให้ลงกินข้าวที่กำลังจะได้เวลาเก็บเกี่ยว
ท่านก็ไปคอยไล่นกตามคำสั่ง
ครั้งหนึ่งท่านเกิดอาการหิวข้าว
เป็นเหตุให้นึกถึงนกว่ามันคงหิวเหมือนกัน
จึงเลิกไล่นก
ปล่อยให้นกลงจิกกินข้าวตามสบาย
พ่อแม่มาเห็นข้าวในนาเสียหาย จึงลงโทษเฆี่ยนตีให้หลาบจำ จะได้ไม่ทำอีก
—
ต่อมาพี่ชายหลวงตาจะแต่งงาน
มีการเตรียมเสบิยงอาหารไว้เลี้ยงแขกเหรื่อ
เอาปลามาขังไว้ในครุ
เอาหมูป่ามาขังไว้ในคอก
เตรียมไว้ทำอาหารวันรุ่งขึ้น
ตกกลางคืนหลวงตาแอบย่องเข้าไปปล่อยทั้งปลาทั้งหมูป่าไม่มีเหลือสักตัว
ถึงวันงานก็ไม่มีอะไรกิน
พ่อแม่โกรธจัด ไล่ท่านหนี ไม่ให้อยู่ด้วย
ท่านก็ไป
เดินร้องไห้เข้าป่าขึ้นเขาไปไม่มีจุดหมาย
—
หลังจากนี้ ชีวิตหลวงตาก็เปลี่ยนไปใหญ่โต
—
ท่านไปพบพวกบังบดโดยบังเอิญ
พวกนั้นเอาตัวท่านไปเลี้ยง
ให้บวชเณร
สอนสรรพวิชาทางยารักษาโรคให้
บอกว่าเมื่อเรียนสำเร็จแล้วจะเกิดกุศลแก่คนป่วยไข้เจ็บและคนใกล้จะตาย
ให้กลับออกไปช่วยคนเหล่านั้น
ทั้งยังย้ำว่า ใครจะป่วยแค่ไหนอย่างไร ถ้าพบหลวงตาจะหาย จะไม่ตาย
—
เรื่องนี้เป็นความจริงที่หลายคนที่หายป่วยรอดตายจะสามารถยืนยันได้
แม้คนป่วยไข้หมดทางรักษาแล้วก็ยังหายจากโรคร้ายได้อย่างน่าอัศจรรย์จนนับไม่ถ้วน
จะได้หาโอกาสเล่าถึงคนป่วยเหล่านี้ต่อไป
—
เป็นความจริงที่หลวงตาได้ช่วยเหลือคนไว้เป็นจำนวนมากตลอดเวลาหลายๆปี จนเป็นที่รู้จักทั่วไป
ผู้คนที่ต้องทุกข์ พากันดิ้นรนตามหาหลวงตา ไม่ว่าจะใกล้ไกล กันดารแค่ไหน พากเพียรค้นหา
เมื่อพบหลวงตาแล้ว หายป่วย ไม่ตายสักราย
—
จนกระทั่งถึงเวลาหลวงตามีอายุครบบวชเป็นพระ
ท่านจึงย้อนกลับไปหาพวกบังบดให้พวกเขาบวชให้
—
ประเด็นของเรื่องเล่านี้อยู่ที่การเข้าออกภพภูมิของพวกบังบด
ท่านสามารถเข้าออกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
หรือเมื่อมีความจำเป็นประการใดก็ตาม
—
บังบด เชื่อว่ามีที่อยู่เรียกว่าเมืองลับแล ซึ่งเป็นอีกภพภูมิหนึ่ง
บางคนเชื่อว่าบังยดเป็นผี เรียกว่าผีบังบด
บางคนเชื่อว่าเป็นเทพจำพวกหนึ่งซึ่งชั้นภูมิของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดชั้นภูมิของมนุษย์ มากที่สุด
เสมือนว่าบ้านเมืองของพวกเขาเป็นภพซ้อนภพอยู่ในโลกนี้เอง
ถ้าใครได้หลุดเข้าไปภพของพวกบังบดเพียงไม่กี่วัน
เมื่อกลับออกมา จะเห็นว่าเวลาในโลกมนุษย์ได้ผ่านไปแล้วหลายสิบปี
คนที่มีอายุเท่ากันจะแก่เฒ่า คนแก่บางคนก็ตายไป เด็กก็กลายเป็นคนหนุ่มคนสาว
ในขณะที่ผู้ออกมาจากเมืองลับแลของพวกบังบด กลับยังมีอายุเท่าเดิม
อย่างไรก็ตามเรื่องการเข้า-ออก หรือการข้ามภพ,ข้ามมิตินี้ เป็นเพียงความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนานแต่ยังไม่มีการพิสูจน์
ถ้าหากความเชื่อนี้เป็นความจริง .. ประเด็นที่เป็นเรื่องไสยศาสตร์เกี่ยวกับการเข้าออกภพภูมิผีบังบดนี้เอง ที่จะพอเป็นเหตุเป็นผลอ้งอิงให้เชื่อว่า ทำไมหลวงตาสรวงไม่แก่(หรือแก่ช้ากว่าคนอื่น) ในขณะที่คนอื่นแก่และตายไป
—————————-
อยากให้ลองพิจารณาภาพทั้งสามนี้ว่าพอจะเห็นแปลกบ้างไหม
ภาพแรกถ่ายเมื่อปี2516
ภาพที่2ถ่ายก่อนหลวงปู่สรวงมรณภาพแค่เดือนหรือ2เดีอนเท่านั้น
ผู้ชายที่อยู่ในภาพกับหลวงตาสรวง ทั้ง 2 ภาพ เป็นคนเดียวกัน คือพ่อบุญเลิศ เพียรเพิ่มพูน
ขณะที่ถ่ายภาพแรก เมื่อปี2516 พ่อบุญเลิศอายุ 26 ปี
ส่วนภาพที่2ถ่ายเมื่อปี 2543 ขณะพ่อบุญเลิศมีอายุ 53 ปี
คนที่เห็นว่าแก่คือพ่อบุญเลิศ
แต่หลวงตายังดูใกล้เคียงกับเมื่อปี 2516