พระปรีชาญาณขององค์อัครศาสนูปถัมภก
ผู้ทรงธรรมค้ำแผ่นดิน
เฮียแว่น อุดร (บุญบรรลือ แซ่ลือ) ลูกศิษย์หลวงปู่ขาว
ซึ่งเป็นผู้สร้างพระเนื้อชานหมากแทบทุกรุ่นถวายหลวงปู่ขาวมาโดยตลอด
ได้กรุณาเล่าว่า
ครั้งหนึ่งมีธุระจะไปกราบสนทนากับหลวงปู่ขาว
ไปถึงกุฏิก็มืดแล้ว
กำลังจะเดินขึ้นบันได
เห็นใครคนหนึ่งกำลังจะเดินสวนลงมา
พอเห็นหน้าถนัดก็เข่าอ่อน
ทรุดลงกราบแทบไม่ทัน
เฮียแว่นบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาสนทนากับหลวงปู่ขาวเป็นการส่วนพระองค์บ่อยมาก
เสด็จโดยไม่มีหมายและไม่มีใครทราบ
แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอุดรฯส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบ
สมัยหนึ่งผมมีธุระอยากจะกราบเรียนถามอะไรสักอย่างกับหลวงพ่อพุธ
ซึ่งเวลานั้นท่านพักอยู่วัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา
ลูกศิษย์หลวงพ่อได้ให้เบอร์โทรฯหลวงพ่อแก่ผม
กำชับว่าให้โทรฯหาช่วงเช้ามืด ตี๔ ตี๕
จะสะดวกกว่าเวลาอื่น
ภายหลังมีโอกาสก็ได้เรียนถามหลวงพ่อว่า ทำไมเขาจะให้ผมโทรฯหาหลวงพ่อเวลานั้น
หลวงพ่อกรุณาบอกว่า เป็นเวลาที่หลวงพ่อตื่นแล้วและจะเว้นวรรคจากภาระต่างๆ จึงมีเวลาว่างอยู่ขณะหนึ่ง
คือเวลาใกล้เคียงนั้น (จำไม่ได้ว่าก่อนหรือหลัง) พระเจ้าอยู่มักจะเสด็จมาสนทนาธรรมกับหลวงพ่อพุธเป็นประจำ
หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ก็เคยชี้ไปที่พื้นหน้าอาสนของท่านที่ใต้ถุนกุฏิ บอกว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับตรงนั้นบ่อยๆ
พระเจ้าอยู่หัวมักสด็จวัดหนองป่าพงส่วนพระองค์เสมอ เช่นเดียวที่เสด็จวัดถ้ำกลองเพล คือเสด็จเงียบๆไม่มีใครทราบ
จึงเป็นที่มาของวาทะหลวงพ่อว่า
“..จะเป็นฆราวาสต้องเป็นให้ได้เหมือนพระเจ้าอยู่หัว คือทรงมีสติสัมปชัญญะตลอดตั้งแต่ทรงย่างก้าวออกจากวัง.. ถ้าพระองค์ท่านจะจะเอาดีทางผนวช จะไปไกลมาก น่าเสียดายที่ไม่ได้ผนวช “