ทั้งไม่ถูกทั้งไม่เข้า

จำได้หรือไม่ว่าเคยเล่าถึงคนร้ายก่อเหตุยิงรถกระบะ 4 คันรวด ที่สะพานบ้านแต้ กิ่งอำเภอเหล่าเสือโก้ก มีคนตาย 1 คน และมีคนถูกกระสุนแต่ไม่เข้าหนึ่งราย (เหตุเกิดราวกลางเดือนมกราคม)

หมวดเทวินทร์ (รตต.เทวินทร์ กองพร รอง สวส. เหล่าเสือโก้ก) เจ้าของคดีเป็นผู้รายงานเรื่องคนถูกยิงไม่เข้า แต่ว่าในตอนนั้นชุลมุนกันอยู่จึงไม่ทันได้สอบถามว่าแขวนพระอะไรหรือมีของดีอะไรคุ้มตัวหรือเปล่า

ตอนนี้ได้เรื่องแล้วครับ

รายละเอียดว่าตามสำนวนตำรวจได้ดังนี้

“คนร้ายไม่ทราบชื่อ ยิงรถปิคอัพ นิสสัน สีขาว ทะเบียน ป.1811 อุบลฯ คนขับเสียชีวิต ชื่อนายวิรัตน์ งามแสง (บูด) อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ถ.เจริญราษฏร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลฯ”

นี่เป็นคันที่มีผู้เสียชีวิต ส่วนอีก 4 คันไม่ผู้ได้รับบาดเจ็บ

คนที่ถูกยิงไม่เข้านั้นชื่อนายเส็ง แก้วมุกดา อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ม.เสาวลักษณ์ (ใกล้เรือนจำ) เป็นผู้ที่นั่งร่วมคันเดียวกันกับนายวิรัตน์ผู้ตาย หลังเกิดเหตุใหม่ ๆ นายเส็งได้โชว์รอยกระสุนที่ถูกกลางหลังแต่ไม่เข้าให้ตำรวจดู ซึ่งหมวดเทวินทร์ก็เห็นรอยซ้ำสีแดงเป็นจุดที่กลางหลังด้วย

ภายหลังได้ติดตามสอบถามนายเส็งว่าที่ถูกยิงไม่เข้านั้น มีของดีอะไรหรือเปล่า

คำตอบคือ

“ผมไม่ได้แขวนพระ หรือพกของดีอะไรเลยครับ”

อ้าว!

ผู้สันทัดกรณีกล่าวว่าที่กระสุนไม่เข้านายเส็งนั้น อาจเพราะกระสุนได้ทะลุผ่านตัวถังรถจนอ่อนกำลังลง เมื่อถูกหนังนายเส็งจึงไม่มีแรงจะเข้า

ผู้สันทัดกรณีอีกคนแย้งว่า กระสุนที่ทำให้นายวิรัตน์ถึงแก่ความตายก็ทะลุตัวถังรถมาเหมือนกัน

ผู้สันทัดกรณีคนสุดท้ายจึงบอกว่า นั่นเพราะนายเส็งไม่ได้พกพระดีแต่พกโชคดีแทนจึงรอด

เห็นจะต้องยกให้เป็นเรื่องของโชคดีจริง

อย่างไรก็ตามคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ก็ได้ก่อความหนักใจแก่ตำรวจเหล่าเสือโก้กทุกนาย เนื่องเพราะไม่สามารถจะติดตามสอบสวนจับกุมได้โดยง่าย แถมยังไปก่อเหตุปล้นติดต่อกันมาอีก 5-6 คดี โดยไม่ทิ้งเบาะแสที่ชัดเจนไว้ให้ตำรวจเลย คงทิ้งแต่รูปพรรณสันฐานไว้เล็กน้อยว่าเป็นโจร 2 คน สูงคน ต่ำคน คลุมหน้าเป็นไอ้โม่ง ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าบีชสีแดงเป็นพาหนะ ทะเบียนไม่แน่ชัด  มีปืนอาร์ก้าเป็นอาวุธ

หมวดเทวินทร์บ่นปวดหัวทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องคดีปล้นเหล่านี้

ครั้งหนึ่งตำรวจทำท่าว่าจะจับคนร้ายได้ เพราะทราบแน่ชัดว่า คนร้ายคนหนึ่งถูกยิงได้รับบาดเจ็บขณะเข้าปล้นร้านค้าแห่งหนึ่ง จึงไปตรวจสอบทุกโรงพยาบาลในเมืองอุบลฯ แต่ไม่พบ

น้ำเหลวก็มีให้คว้าเรื่อยมา

คนกลุ้มใจที่สุดเห็นจะเป็นหมวดเทวินทร์ เจ้านายเอาไฟจี้ก้นเรียงลงมาเป็นลำดับจนก้นหมวดเทวินทร์รำๆจะไหม้ ก็มาบรรลุผลสำเร็จ จับกุมคนร้ายได้ในอีก 3 เดือนต่อมา

คนที่ควรค่าแก่การสดุดีวีรกรรมเห็นจะเป็น ดต.ปราบ หมายสมกลาง หน.เฉพาะกิจ สภ. อ.ม่วงสามสิบ

ถ้าไม่มี ดต.ปราบ แสดงวีรกรรม ก็คงจะยังจับคนร้ายไม่ได้

เรื่องมีอยู่ว่า

คนร้ายคู่นี้ได้ออกหากินข้ามเขต คือออกไปนอกเขต อ.เมือง ไปถึงแดนอำเภอม่วงสามสิบ โดยเข้าปล้นร้านค้าในบ้านหนองหลัก ตำบลยางโยธา แต่ไม่ได้ทรัพย์เป็นที่พอใจ จึงทำการปล้นต่อที่ปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถ.ชยางกูร กม. ที่ 45

เป็นการปล้นที่ค่อนข้างฉลาดเพราะว่าเมื่อได้ทรัพย์แล้วก็ลงมือทำลายโทรศัพท์และเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดในปั๊มนั้น แต่ขาดความรอบคอบไปอันหนึ่ง คือไม่ทำลายเครื่องมือวิทยุสื่อสาร ที่เจ้าของปั๊มเป็นนักวิทยุสมัครเล่นด้วย เมื่อคนร้ายหนี เจ้าของปั๊มก็วิทยุแจ้งตำรวจทันที

ดต.ปราบ เพิ่งกลับจากธุรกิจส่วนตัว อยู่นอกเครื่องแบบ ได้ยินวิทยุแจ้งเหตุก็ออกสกัดแต่สกัดไม่อยู่ คนร้ายผ่านไปได้จึงต้องขับรถ (ส่วนตัว) ออกติดตามไปอย่างกระชั้นชิด

เหตุการณ์ต่อไปนี้เหมือนในหนังเลย

คนร้ายสองคนขี่มอเตอร์ไซด์ฮอนด้าสีแดง คนหนึ่งสูง อีกคนหนึ่งต่ำ มีรูปพรรณตรงตามรายงานทุกประการ คนซ้อนท้ายเป็นต่ำ ถือปืนอาร์ก้าไว้ในมือ คอยหันมายิงรถกระบะของดต.ปราบ ที่ขับติดตามในระยะ 20 เมตร เพื่อสกัดกั้นการติดตาม แต่ไม่สำเร็จ ดต.ปราบเกาะติดเป็นปลิงตั้งแต่ออกจากอำเภอม่วงสามสิบมาตามถนนชยางกูร จนถึงบ้านหัวเรือ อำเภอเมืองอุบลฯ

รวมเบ็ดเสร็จ ดต.ปราบถูกยิงด้วยอาร์ก้า 33 นัด ระยะ 20 เมตร

ดต.ปราบก็ไม่มีโอกาสยิงตอบโต้ ด้วยว่ามาเพียงคนเดียว ทั้งขับทั้งยิงอย่างซิลเวสเตอร์ สตอลโลนก็ทำไม่ได้ จึงไม่เหมือนในหนังอยู่ตรงนี้

ลองนึกดูนะครับ ระยะ 20 เมตร ยิงด้วยปืนอาร์ก้า ยิงด้วยระบบออโต้ รัวเป็นชุด ไม่ใช่ยิงซิงเกิ้ล หรือยิงทีละนัด มันจะต้องยิงถูกแหง ๆ ถึงไม่ถูกคนก็ต้องถูกรถแหละน่า

ดต.ปราบเองยอมรับว่าขวัญหนีดีฝ่อเหมือนกัน แต่ใจฮึดสู้ยังมี จึงไม่ยอมถอย ยังคงเกาะเป็นปลิงเรื่อยมาจนถึงบ้านหัวเรือ คนร้ายเลี้ยวหลบเข้าไปทางนั้น ระหว่างนั้น ดต.ปราบได้วิทยุแจ้งเพื่อนตำรวจอยู่ทุกระยะ คนร้ายหนีไปทางไหน อยู่ที่ไหนตำรวจรู้หมด กำลังตำรวจกระจายออกสกัดช่วยอีกทาง

คนร้ายตระบึงหนีอย่างไร ปลิงที่ชื่อ ดต.ปราบก็เกาะไม่หลุด เห็นจวนตัวจะหนีไม่รอดเลยปล่อยคนต่ำที่มือปืนอาร์ก้าลงข้างทางให้หนีเข้าป่าไปก่อน ส่วนตนเองหนีมาจนมุมที่สามแยกบ้านนาได้ มีการต่อสู้ประชิดตัวแบบวันบายวัน ทั้งปล้ำทั้งชกทั้งข่วนทั้งกัดกันแค่สองคนคือ ดต.ปราบกับคนร้ายคนที่รูปร่างสูง

สู้กันจนหมดแรงไปทังคู่ แต่ผลแพ้ชนะยังไม่ปรากฏยังคู่คี่ก้ำกึ่ง คืออยู่ในสถานการณ์ที่ว่า ดต.ปราบก็ยังจับกุมไม่ได้ คนร้ายก็ยังหนีไม่พ้น

ขณะที่กำลังปล้ำชกต่อยแบหมดแรงแล้วทั้งคู่ กำลังตำรวจที่นำโดยหมวดเทวินทร์จึงมาถึง และเข้าทำการจับกุมได้สำเร็จท่ามกลางฝุ่นอันตลบอบอวลนั้น

12.35 น. เป็นเวลาที่จับกุมคนร้ายคนแรกได้สำเร็จ ส่วนคนที่ 2 ยังหลบหนีซ่อนตัวในป่า ตำรวจจึงกระจายกำลังบ้อมป่า ใช้ทั้ง ฮ.บินค้นหา ใช้ทั้งสุนัขตำรวจออกล่า ใช้เวลานานหลายชั่วโมงจนประมาณ 3 ทุ่มจึงจับกุมคนที่ 2 ได้ในที่สุด

เรื่องสนุกจึงมาเริ่มต้นขึ้นหลังการควบคุมตัวคนร้ายได้ครบถ้วน คนร้ายคนแรกซึ่งเป็นคนรูปร่างสูง ชื่อนายจรูญ หรือ ไก่ ปราสาทแก้ว อายุ 25 ปี อดีตทหารพรานโวยวายกับคนร้ายคนที่ 2 ซึ่งรูปร่างต่ำ ชื่อนายปัญญา หรือปู สายเนตร อายุ 16 ปี (โถ…แค่นี้เอง) ว่า

“เวลามึงซ้อมยิงมะพร้าวทั้งหลายยังขาดลงมา อีแค่รถกระบะมึงยิงไม่ถูก”

นายปูคนยิงได้แต่ก้มหน้าไม่เถียง

ดต.ปราบ ก็เลยได้ช่องอวดพระดี งัดออกมาโชว์ทั้งพวง

“ผมมีพระดี พระช่วยผมไว้”

พรรคพวกเลยล้อมวงเข้ามาขอดูพระกันเป็นแถว ซึ่งก็มีอยู่หลายองค์ทั้งที่ผมไม่รู้จักและรู้จัก

ที่รู้จักอย่างแท้จริงในพวงพระนั่นมีองค์เดียวคือ พระผงหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง พิมพ์หัวโน ปี 2516 นอกนั้นไม่ค่อยแน่ใจว่ารู้จักหรือไม่

dsc02734

ส่วนในรถยังมีพระอีกมากมายหลายอาจารย์ และ ดต.ปราบยังบอกอีกด้วยว่า “ผมเป็นคนโคราช รถผมหลวงพ่อคูณเจิม”

coverkoon

นายไก่ คนสูงคงลืมไปว่าตนเองอยู่ในฐานะผู้ต้องหากำลังถูกจับ ได้ยินตำรวจคุยกันเรื่องพระ ก็เลยผสมโรงด้วย

“ของผมก็ถูกยิงไม่เข้าครับ”

“หือ…ยังไง” หมวดเทวินทร์หูผึ่ง

นายไก่เลิกเสื้อโชว์รอยกระสุนที่ด้านหลัง ซึ่งปรากฏรอยหนังยุบเป็นจ้ำ 1 รอย

หมวดเทวินทร์จึงนึกออกว่า ก่อนหน้านั้นประมาณ 1 เดือน คนร้ายทั้งสองได้เข้าปล้นร้านค้าที่บ้านหนองยาง ต.หัวเรือ อ.เมือง จ.อุบลฯ ระหว่างล่าถอยถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยิงเข้ากลางหลัง ซึ่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยืนยันกับตำรวจว่าผมยิงถูกแน่นอน ระยะแค่นี้ผมยิงนกยังไม่พลาด

“มึงมีอะไรดี” หมวดเทวินทร์ถาม

“ผมมีเขี้ยวหมูตันครับ” นายไก่ว่าแล้วก็งัดเขี้ยวหมูตันออกมาอวด

เป็นอันว่าได้ฮือฮาสนุกกันไปทั้งกลุ่ม

1468433073

ภาพ : zoonphra.com

เขี้ยวหมูตันของนายไก่นั้น ทราบว่าเป็นของอาจารย์องค์หนึ่ง อยู่ในเขตกิ่งอำเภอดอนมดแดง จ.อุบลฯ ขณะนี้ยังไม่ทราบชัดว่าเป็นอาจารย์รูปใด อยู่วัดไหน ถ้าผมทราบเมื่อไหร่ จะรายงานต่อผู้อ่านทันที ไว้พบตัวนายไก่หรือพบตัวผู้รู้ที่แท้จริงเสียก่อน

ใจเย็น ๆ ครับ

ท่าทางเราจะได้พบพระขลังอีกสักรูปในไม่ช้า

เว้นแต่ว่าอาจารย์องค์นั้นไปได้เขี้ยวหมูตันมาจากอาจารย์อื่นแล้วมอบให้นายไก่ เรื่องนี้ก็ต้องให้แล้วไป

ประวัตินายไก่นั้นฉกาจฉกรรจ์ไม่เบา เคยตระเวนปล้นแถบชายแดนเขมร เคยต้องคดีฆ่าคนตาย คดียังอยู่ในศาล ก็มาก่อคดียิงรถกระบะจนคนตายและยังปล้นทรัพย์ติดต่อกันอีกหลายครั้ง ส่วนนายปูเป็นแค่เด็กใจแตกคนหนึ่ง มีศักดิ์เป็นหลานนายไก่ ตัวเองอยากได้มอเตอร์ไซค์ จึงสมัครใจออกร่วมปล้นทรัพย์กับนายไก่ผู้เป็นน้าชายเพื่อหวังได้เงินมาออกรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองสักคัน

คดีปล้นฆ่าสะเทือนขวัญประชาชนแถบกิ่ง อ.เหล่าเสือโก้ก ตงหัวเรือ และพื้นที่ใกล้เคียงก็ถึงบทสรุป

ขอสดุดีวีรกรรมของ ดต.ปราบ หมายสมกลางและตำรวจทุกนายที่มีส่วนร่วมในการจับกุมคนร้าย

ถ้าตำรวจทุกคนทั่วไทยเอาจริงเอาจังอย่างนี้ แผ่นดินไทยจะสวยงามน่าอยู่กว่านี้

เห็นทีจะจบเรื่องที่มีทั้งคนถูกยิงไม่เข้าและยิงไม่ถูก ทั้งแขวนพระและไม่แขวนพระลงได้

เป็นอันหมดหนี้ที่ค้างผู้อ่านมาตั้งนานเดือน

ขอให้หนังเหนียวกันทุก ๆ ท่านนะครับ

สวัสดี

————————————————————————–

ข้อมูลจากนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ราวปี 2539-2541

วงเดือน เย็นฉ่ำ พิมพ์ 

 

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน