อย่า

 

หมู่นี้มักได้ยินว่ามีผู้อวดอ้างอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ของตนเองและของผู้อื่นอยู่มากมายบ่อย ๆ

บ้างก็ว่าตนสามารถล่วงรู้อนาคตหรือปูมหลังของใคร ๆ ได้ด้วยการนั่งทางใน

บ้างก็บอกว่าตนเองบรรลุธรรมชั้นสูงแล้ว หรือไม่ก็มีการบอกว่าคนนั้นคนนี้บรรลุธรรมชั้นยอด

คนธรรมดาอย่างผมนี่แหละจะบังอาจไปชี้แนะหรือชวนให้คนอื่นเชื่อตามว่า พระภิกษุรูปนั้นบรรลุหรือสำเร็จได้อย่างไร

ลำพังตัวเองศีล ๕ ยังเอาไว้ไม่ครบ เรียกว่าไม่รู้จักศีล ๕ แล้วไปสู่รู้เรื่องอรหันต์ได้ลงคอว่างั้นเถิด

ในขณะที่สังคมส่วนหนึ่งของพระสงฆ์พากันสับสนหลงทาง สังคมของฆราวาสยิ่งหลงทางกันไปใหญ่

พระพุทธเจ้าบอกว่า ศาสนาจะเสื่อมได้ด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ อุบาสก อุบาสิกา ภิกษุ ภิกษุณี

นึกดูก็จะเห็นความจริง

เจ้ากูทุกวันนี้ สะสมทรัพย์ สมบัติ เล่นการพนัน กินข้าวเย็น และเป็นนักเลงเจ้าชู้อยู่เยอะแยะไปหมด

คนทั่วไปหันเข้าหาเจ้าพ่อเจ้าแม่เป็นที่พึ่ง

ที่ใดมีประโยชน์ ที่นั่นมีการฉกฉวย

คนฉวยโอกาสสวมรอยเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดถึงกับมีการโฆษณาสรรพคุณ ของตนในหน้าหนังสือพิมพ์กันแล้ว

นั่นแหละความเสื่อมของศาสนาหรือไม่

คนใกล้ ๆ ตัวผมที่ได้เห็นว่าเปิดเปิงไปแล้วมีสองคน คนแรกเป็นจิตรกรผู้หิวโหย เขียนภาพสีน้ำมันขายให้แกลลอรี่ได้มั่งไม่ได้มั่ง อยู่ดี ๆก็บอกว่ากลายเป็นร่างทรงให้พระอิศวรไปแล้ว

เมื่อวานยังนั่งล่อเหล้าคุยเรื่องสัปดนกันอยู่แหมบ ๆ

อีกรายเป็นเจ้าของแค้มป์ซื้อขายรถยนต์ ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที

แนะนำกันว่าเป็นร่างทรงของพระพิฆเนศ เล่นเอาผมสะดุ้งแปดกลับ พระพิฆเนศถือเป็นบรมครูของช่างทุกแขนงได้ และผมก็เป็นช่างคนหนึ่งซึ่งต้องถือพระพิฆเนศเป็นบรมครู

ถามว่าเวลาพระพิฆเนศ เข้าทรงแล้ววาดรูปได้หรือเปล่า เขียนแบบได้หรือเปล่า ปั้นอนุสาวรีย์ได้หรือเปล่า

ไม่มีคำตอบจากพระพิฆเนศ

11988535_990211954364146_8736403725066093040_n

ยุคสมัยหนึ่งในระหว่างพุทธกาลเคยมีเรื่องยุ่ง ๆ อย่างนี้ มีสำนักแปลก ๆ มีลัทธิประหลาด ๆ เกิดขึ้นมากมายให้คนงงหลงเชื่อ หรือไม่รู้จะเชื่อว่าอะไรจริงอะไรเท็จ

พระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า จะเชื่อเรื่องอะไรๆทั้งหลายได้อย่างไร พระพุทธเจ้าจึงบอกหลักความเชื่อให้พระอานนท์ไว้ ๑๐ ประการ ดังนี้

๑. อย่าเชื่อ ด้วยการฟังต่อ ๆ กันมา

๒. อย่าเชื่อ โดยการนำสืบ ๆ กันมา

๓. อย่าเชื่อ เพราะเป็นข่าวเล่าลือกันมา

๔. อย่าเชื่อ เพราะการอ้างว่ามีอยู่ในคัมภีร์หรือตำรา

๕. อย่าเชื่อ เพราะการนึกคิดเอาเอง

๖. อย่าเชื่อ เพราะการ คาดคะเนหรืออนุมานเอาเอง

๗. อย่าเชื่อ โดยการเดาเอาเอง

๘. อย่าเชื่อ เพราะเห็นว่า เข้ากันได้กับทิฎฐิของเราเอง

๙. อย่าเชื่อ เพราะ ผู้บอกน่าเชื่อถือ

๑๐. อย่าเชื่อ เพราะเห็นว่า ผู้บอกเป็นครูบาอาจารย์เรา

ก่อนจะเชื่ออะไรต้องให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง จึงจะถือว่าเป็นบัณฑิตผู้ชอบแล้ว

เมื่อมีพระที่เป็นนักบริจาค ก็จะเชื่อได้อย่างไรว่า เป็นพระผู้สละแล้วซึ่งทรัพย์สมบัติตามวิสัยพระ เพราะเห็นตำตาว่าท่านรวยกว่าเราเยอะ

เมื่อมีพระพูดอวดคุณวิเศษที่ไม่มีในตน แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าพระนั้นวิเศษจริง เพราะผิดวินัยบัญญัติอกรณียกิจ ๔ เสียแล้ว

สองสามวันมานี้ มีหลวงพี่องค์หนึ่งซึ่งพบกันโดยบังเอิญแล้วให้หวยผมจัง ๆ ทั้งยังบอกให้เอาไปลงหนังสือ บอกให้ก็ได้ว่ามีเลขอะไร

บนเด่นสุด ๙, ๖๓๙, ๖๗๙, ล่าง ๐๕, ๐๒ เด่นสุด ๐

ท่านเขียนใส่กระดาษยัดใส่มือผมมาอย่างนี้ ทั้งยังบอกว่ารับรองหนังสือขายไม่ทัน

คุณวิเศษในการให้หวยนี้ เป็นการอวดอุตริจริงหรือไม่ ขอให้ทุกท่านดูต่อไปในงวดวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ที่จะถึง

แต่ขณะนี้หลวงพี่ผิดวินัยอกรณียกิจ ๔ เรียบร้อยแล้ว

ถึงตรงนี้ผมนึกถึงท่านเจ้าประคุณพระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิตขึ้นมาจับจิต ซึ่งเรื่องของท่านนั้น ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เล่าว่า

เจ้าคุณนรรัตนฯมีทั้งฐานะ ทั้งทรัพย์ และโอกาสที่จะหาความเจริญในทางโลกต่อไปอย่างพร้อมมูล
ในทางชีวิตท่านก็มีคู่หมั้นแล้ว

แต่ท่านได้สละสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดออกอุปสมบท และอยู่ในสมณเพศตลอดชีวิต เพื่อถวายพระราชกุศลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.๖) ซึ่งมีพระคุณแก่ท่าน

เมื่ออยู่ในสมณเพศนั้น เจ้าคุณนรรัตนฯ ฉันอาหารวันละหนเท่านั้น

อาหารที่ท่านฉันมีข้าวสุก มะพร้าว กล้วย เกลือ มะนาวและใบฝรั่ง

ท่านลงโบสถ์ทำวัตรเช้าและเย็นวันละสองครั้งไม่เคยขาดจนมรณภาพ

ดูเหมือนจะขาดอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ญาณวรเถระ ขณะที่ท่านมีชีวิต และเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ฯ สั่งให้อยู่ที่กุฏิ เพราะท่านอาพาธ

ท่านเป็นพระที่สงบสงัดปราศจากโลกแล้ว

15541393_1826645567576242_8635068814214154855_n


ครั้งหนึ่งมีคนเขาไปลือว่าท่านสำเร็จพระอรหันต์

ผม (ม.ร.ว. คึกฤทธิ์) พบท่านโดยบังเอิญที่วัดเทพศิรินทร์ฯ ก็เข้าไปกราบท่าน แล้วกราบเรียนถามท่านว่า

“เขาลือว่าใต้เท้าสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วจริงหรือครับ”

ท่านดึงหูผมเข้าไปใกล้ ๆ แล้วกระซิบว่า

“ไอ้บ้า”

…………………………………….

ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ “อีสานสนุก” นิตยสาร “แปลก รายสัปดาห์ ” ฉบับที่ 623 วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2531

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน