ลองของ
ตอนที่ยังเป็นเด็กไม่ประสีประสา
เดินตามก้นหลวงพ่อชาต้อยๆ โดยไม่รู้เลยว่าหลวงพ่อเป็นพระดีพระเก่ง
ท่านให้พระเครื่องรูปท่านมากี่องค์ๆ เลี่ยมพลาสติคขึ้นคอหมด
ไม่รู้ว่าพระเครื่องของท่านดีวิเศษอย่างไร
รู้แค่ว่าท่านให้ก็เอามาแขวนไว้ระลึกถึงท่านเท่านั้น
พอโตเป็นหนุ่มก็เชื่อวิทยาศาสตร์หัวปักหัวปำ ไสยศาสตร์ไปไกลๆ ไม่เคยเชื่อเรื่องงมงายไร้สาระพรรค์นั้น
กระทั่งได้เข้าทำงานที่โรงพิมพ์จักรวาล(สี่แยกพิชัย ราชวัตร)ก็ราวๆปี ๒๕๑๗ มีวาสนาได้อยู่ร่วมกับนักเขียน,นักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่หลายท่าน ที่พวกเขาร่วมกันทำหนังสือจักรวาลปืนเพชรพระอุมารายสัปดาห์ ซึ่งมีพี่อี๊ด(พนมเทียน)เป็นหัวเรือใหญ่ จึงมีโอกาสได้ทำความรู้จักปืนชนิดต่างๆมากมายกับการทดสอบปืนรุ่นต่างๆของทีมงาน
เป็นเหตุให้ชอบปืนสุดขีดสุดใจ
ทีนี้ก็หาเรื่องเข้าป่าล่าสัตว์ จะได้พกปืนโก้โดยไม่ถูกตำรวจจับ
เวลานั้นพี่ชายของผม ได้เงินบำเหน็จจากการทำงานในแค้มป์ฝรั่งที่สนามบินอุบลฯ ก็เอาเงินมาลงทุนทำไร่อยู่กลางป่าโนนดินแดง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ..ได้โอกาสก็ไปเข้าป่าที่นั่น
ป่าจริงๆนะครับ…มีสัตว์ป่าครบทุกชนิด สัตว์ใหญ่ขนาดช้างก็ยังมี เสือ หมี เก้ง กวางฯลฯมีหมด
รวมทั้งยังมีทหารป่า ทปท.(กองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทย)อีกด้วย
ก็คอมมิวนิสต์นั่นแหละครับ
เจอพวกเขาทุกวัน แต่เขาไม่ทำอะไรพวกเรา
ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่หลงเข้ามาก็ตายลูกเดียว
เห็นพี่ชายทำไร่อยู่ในนั้น ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทั้งจากฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกับฝ่ายทหารป่า เป็นเหตุให้เกิดความคิดไปเขียนเรื่องสั้น “ดาบสองคม” ส่งประกวดจนได้รับรางวัลกับเขาด้วย
หะแรกของการไปที่นั่น มีผู้ร่วมเดินทางไปสนุกกับโลกนายพราน๔ท่าน รวมกับผมก็เป็น๕
คนแรกคือพี่วรภูมิ วิสิษฏ์ศรี นักเขียนภาพประกอบและปกหนังสือเพชรพระอุมา, คนที่สองพี่อิ๊ด(จำชื่อจริงสกุลจริงไม่ได้)ช่างขียนคัทเอ้าท์ประจำโรงหนังศาลาเฉลิมไทย ทีมเดียวกับลิ้ม โฟร์อาร์ท, คนที่สามพี่สหัส อินทศิริ นักเขียนเรื่องสั้นและกลอนมือฉมัง เคยเป็นประธานชมรมกลอนสดธรรมศาสตร์ และยังเป็นคู่ซี้ย่ำปึ๊กกับพี่สกนธ์ แพทยกุลของผมอีกด้วย ,ส่วนคนที่สี่ก็ไอ้เดือน(ปรัชญา ขยัน)เพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นเพาะช่างกับยายสอดและผมนั่นแหละครับ หมอนี่เพิ่งเกษียณจากครูโรงเรียนราชวินิตเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนคนสุดท้ายก็ อำพล ไพรวัลย์ น้องชาย รพินทร์ ไพรวัลย์
วันแรกที่ไปถึงที่นั่น เป็นเวลาค่ำมืดพอดี เห็นบรรยากาศของผู้คนและป่า เหมือนในหนังเลยครับ
พี่แดง เป็นเจ้าถิ่น มีอิทธิพลจนคนขยาด ระดับน้องๆไอ้เสือ จนคนเขาเรียกเสือแดง หนังเหนียวสุดๆ พิสูจน์ได้
ลูกน้องพี่แดง๕-๖คน ตั้งวงกินเหล้า ยิงปืนขึ้นฟ้าสนั่นหวั่นไหว ทำเอาตกใจ พอหายตกใจก็สนุกกับเขาได้แฮะ
เหล้าที่เอามากินนั้น กลั่นจากการหมักข้าวโพด แรงขนาดจุดไฟติดพรึ่บ
พอเมาได้ที่ก็มีท่านหนึ่งงัดเอาเขี้ยวหมูตันออกมาโชว์
ไม่โชว์เปล่า .. เอาขวดเหล้าแม่โขงแบน ไปตั้งบนตอไม้ เอาเขี้ยวหมูตันเสียบไว้ที่ปากขวด เรียกกันให้ลุกขึ้นมาซัลโวมันส์มือ ทั้งลูกซอง คาร์บิน เอ็ม ๑๖
เจ้าประคุณเอ๋ย..ปืนทุกกระบอกเงียบกริบ ไม่มีเสียงปืนแตกสักนัด
ผมก็งงเป็นไก่ตาแตกสิครับ
นั่งดูรุ่นใหญ่เขาลองของกันสักพัก ก็อ้อมๆแอ้มๆขอเขาลองมั่ง
ทุกคนหันมามองหน้าผม แล้วก็หันไปมองหน้าพี่แดง
พี่แดงก็จ้องหน้าผมสักอึดใจ..แล้วก็พยักหน้าอนุญาต
บอกไว้ตรงนี้..ไม่มีการจัดฉากนะครับ
ปืนของผมเอง กระสุนของผมเอง ใหม่ทุกนัด เพิ่งซื้อก่อนเข้าป่าไม่กี่วันเอง
ยิงไป๓นัด ด้านทั้ง๓นัด
พอนัดที่๔ ระเบิดเปรี้ยง เสียงกระสุนกระทบขวดแม่โขงดังเคร๊งเสียดหู
ขวดแม่โขงกระเด็นไปตกในพงหญ้า
พี่แดงควานหาและเก็บขวดกับเขี้ยวหมูขึ้นมา
ขวดไม่แตก ยังอยู่สภาพเดิม
“พี่แดงขออีกที”
ยังมีอีก๒นัดที่เหลือ..ยิงนัดแรก แชะ..ด้านอีกแล้วครับ
นัดที่๒ระเบิดเปรี้ยง..ขวดกระเด็นไปเหมือนเดิม
ทุกคนที่ไปด้วยกันเงียบกริบ
โดยเฉพาะไอ้เดือนประทับใจเรื่องนี้ไม่ลืม
กลายเป็นกรมประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ตลอดมา
ตั้งแต่นั้น..ผมจึงเชื่อว่าเรื่องพวกนี้มีจริง
และเห็นอีกว่าวิทยาศาสตร์ยังคงเป็นศาสตร์ที่โง่เขลากับเรื่องเหล่านี้
ของขลังกันมีดกันปืนมีจริงๆ
มันสำคัญอยู่ตรงที่ว่าเราจะหาของขลังขนาดนั้นเจอหรือไม่
(ภาพประกอบเขี้ยวหมูและปืนเอามาจากในอินเตอร์เน็ท เป็นปืนรุ่นเดียวกับที่ผมใช้ยิงเขี้ยวหมูตันลักษณะเดียวกันตามภาพ .)
อำพล เจน : Jun 21 2015