ควันที่ยังมีหลงอยู่กับหลวงปู่เปลี้ย
สำหรับท่านที่ติดตามเรื่องของหลวงปู่เปลี้ย คุณสัมปันโน วัดชอนสารเดช ลพบุรี มาอย่างกระชั้นชิด คงจะแทบไม่ต้องอธิบายอะไรให้รุ่มร่ามกันกัน ถ้าเป็นเพื่อนสนิทก็แค่มองหน้ามองตากันแว่บเดียวเป็นอันเข้าใจ คำพูดคำจาอื่นใดไม่จำเป็นเลย
ถึงจะรู้ใจกันปานนั้นหากมีเรื่องอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นก็ยังพอจะพูดสู่กันฟังได้ จะถือดีว่ามองตากันรู้เรื่องไม่ได้แน่ เพราะว่าถ้าทำงั้นรับรองไม่รู้เรื่องแหงๆ
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดอีกเรื่องหนึ่ง จะกล่าวว่าเป็นเรื่องโฆษณาสรรพคุณของมหาฤษีชอนสารเดชก็ไม่ผิดอันใด
เหตุเกิดขึ้นตอนเช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ 26 กันยายนที่เพิ่งผ่านไปนี้เอง ระยะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ภาคอีสานมีฝนตกติดต่อกันทุกวัน และมีน้ำป่าไหลหลากน่ากลัวพอสมควร
ผู้เล่าเรื่องนี้คือ คุณไพโรจน์ เหลืองรุ่งโรจน์ เจ้าของและผู้จัดการบริษัทรถเมล์ชมภูเดินรถ จำกัด ในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประสบเหตุ
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุราว 2 สัปดาห์ คุณไพโรจน์แวะมาเยี่ยมเยียนผมที่บ้านห้วยไผ่ จังหวัดอุบลฯ และผมได้มอบพระมหาฤษีชอนสารเดชของหลวงปู่เปลี้ยให้คุณไพโรจน์ไว้เป็นที่ระลึก 1 องค์ คุณไพโรจน์ก็เก็บพระมหาฤษีองค์นั้นไว้ในที่เก็บของในรถฮอนด้าโอดิสซี่ เก็บไว้แล้วก็ลืม ไม่ได้เอาลงจากรถแต่อย่างใด
จนกระทั่งวันที่ 26 ก.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ คุณไพโรจน์และคณะ ซึ่งก็คือคุณถาวร พฤติธรรมกุล เจ้าของร้านขายทองเจียบ เซ่ง เฮง และคุณอดิพงษ์ (ไม่ทราบนามสกุล) เจ้าของฟาร์มหมูที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งหมดต่างมีนัดหมายที่จะต้องไปเล่นกอล์ฟที่เขาใหญ่ จึงรวมตัวกันและออกเดินทางโดยรถฮอนด้า โอดิสซี่ หมายเลขทะเบียน กทม.2ศ.7000 ซึ่งเป็นรถของคุณไพโรจน์ โดยมีคุณอนันต์ เจริญภัณฑารักษ์ เป็นพนักงานขับรถ
ระหว่างเดินทางทุกคนต่างหลับสนิท ยกเว้นแต่คุณอนันต์ผู้ขับรถ ที่ยังคงทำหน้าที่ตามลำพัง
คุณไพโรจน์เล่าว่า ขณะที่กำลังหลับอยู่นั้น ได้ยินเสียงใครไม่ทราบปลุกให้ตื่น
“เสียงเด็ก คนแก่ คนหนุ่ม คนสาว ปลุกเป็นภาษากลาง หรืออีสาน น้ำเสียงชัดเจน หรือเหน่อๆ” ผมซัก
“ผมไม่แน่ใจ ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงหญิงหรือชาย หรือคนแก่ คนหนุ่ม หรือภาษาไทย อีสาน ทราบแต่ว่ามีเสียงร้องปลุกว่า ตื่น ตื่น ตื่น” คุณไพโรจน์อธิบาย
“พอผมลืมตาขึ้นก็ชะโงกดูไปข้างหน้า เห็นว่าถนนมีน้ำไหลผ่านอยู่สายหนึ่ง รถยังคงวิ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง คะเนไม่ต่ำกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนขับรถของผมไม่ได้ชะลอความเร็วลงเลย เขาบอกผมภายหลังว่าไม่คิดว่าจะเป็นอะไร กะอีแค่น้ำ คุณต้องเข้าใจนะครับ ถนนตรงนั้นเป็นช่วงต่ำสุด คือข้างหน้าเป็นเนินสูง ข้างหลังก็เป็นเนินสูง ตรงนั้นจึงเป็นแอ่งกระทะที่น้ำไหลผ่านถนน ขณะนั้นฝนกำลังตกเบาๆ ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ”
“แล้วไงๆ” ผมกระตุ้น
“ปรากฎว่าน้ำที่ไหลผ่านถนนนั้นเป็นน้ำป่า ไม่ใช่แค่น้ำที่ขังบนถนนเล็กน้อยเลย ระดับสูงเกือบเมตร พอรถพุ่งชนน้ำก็เสียหลัก ตีลังกาไปข้างหน้า แล้วลื่นไถลต่อไปจนตกลงไปข้างทางและจมมิดลงไปทั้งคันรถ จมในลักษณะเอาหลังคาลงใต้น้ำ ล้อชี้ฟ้า จมน้ำมิดเลยนะครับ จะโผล่แต่ขอบยางล้อรถให้เห็นรำไรเท่านั้น”
“โอ้โฮ”
“ทุกคนในรถทำอะไรไม่ถูก คงกำลังตกใจมีแต่เพียงผมที่ตอนนั้นคิดว่าถ้าอยู่ในรถจะต้องจมน้ำตาย น้ำก็เริ่มไหลเข้ามาในรถแล้ว มองไปรอบด้านมีแต่น้ำเต็มไปหมด เหมือนตนเองอยู่ในตู้ปลา ผมตัดสินใจถีบประตูรถให้เปิดออก แต่ทำไม่สำเร็จ ประตูล็อคติดแน่น น้ำไหลเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อนผมเริ่มดิ้นอึกอัก แต่ทำอะไรไม่ถนัด เพราะติดอยู่กับเข็มขัดนิรภัยที่ยังปลดไม่ออก ตอนนั้นนะครับน้ำเข้ามาในรถจนเกือบจะเต็มทั้งคันแล้ว ผมกับทุกคนยังออกจากรถไม่สำเร็จ ตกลงผมต้องพยายามต่อไป ถ้าท้อแท้ต้องตายกันหมด ผมจมตัวลงใต้น้ำและถีบไปที่กระจกรถ แต่กระจกรถก็แทบไม่มีผลเลย ผมถีบกระจกรถอยู่ราว 3 นาที กระจกจึงแตก พอกระจกแตกน้ำก็ทะลักเข้ามาจนเต็มรถทันที ผมอาศัยมุดน้ำออกมาจากรถตรงช่องหน้าต่างกระจกนั้นและออกมาได้ เพียงคนเดียว”
“อ้าว ที่เหลือล่ะครับ”
“ทุกคนที่เหลือยังติดอยู่ในรถ” คุณไพโรจน์แสดงท่าหนักใจไปด้วย
“ผมออกมาได้และขึ้นมาอยู่บนตลิ่ง จึงทราบว่ารถนั้นตกลงไปในคูน้ำข้างปั๊มน้ำมันเอ็มพี พวกเด็มปั๊มหลายคนถือไขควง แชลงงัด และเครื่องมือสารพัดมาคอยช่วยอยู่แล้ว ผมบอกพวกเขาว่ายังมีคนติดในรถ 3 คน ช่วยงัดประตูรถด้วย พอประตูถูกงัดออกจนเปิดได้ คุณถาวรกับคุณอนันต์ก็ตามออกมา แต่คุณอดิพงษ์ ยังไม่ออกมา ต้องช่วยกันดำน้ำลงไปอีกที พยายามปลดเข็มขัดนิรภัยให้ได้ก่อน แต่ว่าปลดยากที่สุดเพราะว่ารถกลับหัว การหาตำแหน่งปลดล็อคจึงสับสน กว่าจะปลดออกได้และลากคุณอดิพงษ์ออกจากรถได้สำเร็จ คุณอดิพงษ์ก็เกือบหมดสติไปแล้ว กินน้ำและสำลักน้ำเข้าปอดไปหลายอึก ต้องมาพยาบาลกันบนตลิ่ง”
“ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่เกี่ยวกับฤษีชอนสารเดช”
“มีสิครับ” คุณไพโรจน์กล่าวขึงขัง
“พอคุณอดิพงษ์ออกจากรถได้เป็นคนสุดท้ายแล้วฤษีชอนสารเดชก็ลอยตามขึ้นมาและลอยตรงมาที่ผม ผมเห็นท่านลอยตุ๊บป่องๆ แต่ทีแรกก็ยังดูไม่ออกว่าเป็นอะไรแน่ จนมาอยู่ตรงหน้าจึงทราบว่าเป็นท่าน ผมก็คว้าเอาไว้”
“ดูเหมือนจะเป็นเหตุบังเอิญ” ผมแหย่
“ผมก็คิดอย่างนั้น” คุณไพโรจน์ว่า
“ผมคิดว่าทำไมจึงบังเอิญขนาดนั้น คิดดูนะครับเวิ้งน้ำก็ออกจะกว้างใหญ่ กระแสน้ำก็เชี่ยว ทำไมไม่ลอยไปที่อื่น ลอยไปตามกระแสทางไหนก็ได้ หรือทำไมไม่ลอยไปหาคนอื่นซึ่งยืนอยู่บนตลิ่งตั้งกลุ่มใหญ่ นี่กลับลอยมาหาผมซึ่งเป็นเจ้าของ ผมไม่สามารถจะเข้าใจเหตุบังเอิญนี้ได้ รู้สึกตัวแต่เพียงว่าขนทั้งตัวผมลุกซู่ไปหมด”
“แปลก”
“ผมก็ว่างั้น มันแปลกดี”
ขออธิบายเพิ่มเติมว่า บริเวณที่เกิดเหตุนั้นเป็นหน้าปั๊มน้ำมันเอ็มพี ซึ่งอยู่บนเส้นทางโชคชัย-เดชอุดม จุดเกิดเหตุเลยหนองมันไปเล็กน้อย คะเนว่าอีกประมาณ 10 กม.จะถึงหนองกี่ ถ้าใครเคยใช้เส้นทางนี้จะพอนึกออกได้ว่าเป็นช่วงถนนลาดต่ำลงจากเนินจุดพักสายตรวจหนองมันลงสู่ที่ลาดต่ำก่อนจะเลยขึ้นไปสู่เนินสูงที่มีเพิงขายน้ำผึ้งและผลไม้ของชาวบ้านละแวกนั้น
วันที่เกิดเหตุกับคุณไพโรจน์ก็มีเหตุเกิดแบบเดียวกันอีกด้านหนึ่งของคณะนักกอล์ฟที่จะไปเล่นยังสนามเดียวกัน แต่คันนั้นหลังจากชนน้ำป่าพลิกตกลงไปจมน้ำแล้ว ปรากฏว่าตายเพราะจมน้ำ 5 ศพ รอดมาเพียงคนเดียวซึ่งกำลังนอนอยู่ห้อง ICU
คุณพิชย จารุทัสนางกูร ก็เล่าให้ผมฟังว่า ในวันเดียวกันได้ขึ้นไปประชุมบนเขาใหญ่ เจอน้ำป่าแบบเดียวกัน แต่ไม่เป็นอะไร เพราะว่าตอนนั้นขับช้าจึงประคองรถเอาตัวรอดได้ ฟังดูน่ากลัวไม่น้อยนะครับ
ผู้ขับขี่รถยนต์จึงควรระวังเอาไว้ด้วย หากว่าพบน้ำขวางถนนอยู่อย่าได้ตีฝ่าเข้าไปแบบไม่ยั้งมือ
ยังไงควรชะลอความเร็วลงจนอยู่ในระดับที่ควบคุมรถได้จึงดี
อะไรก็ตาม ถ้ามัน Out of control ล้วนเป็นอันตรายทั้งสิ้น
คุณไพโรจน์ได้เล่าเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยว่า หลังจากยกรถขึ้นมาจากการจมน้ำแล้วปรากฏว่ารถไม่มีอะไรเสียหายเลย นอกจากรอยด้านหน้าที่ชนกับน้ำป่านิดหน่อยเท่านั้น
ผมเคยแพร่งพรายไว้บ้างเมื่อครั้งที่เขียนถึงหลวงปู่เปลี้ยในฉบับที่ 188 ว่ามหาฤษีรุ่นนี้ได้ช่วยชีวิตชาวโพธิ์สามต้นให้รอดจากการถูกยิง 3 นัดไม่ออก ผมเปิดเผยตัวจริงของท่านไม่ได้ เพราะว่าท่านมีความสำคัญต่อสาธาณชนไม่น้อย แต่ท่านยืนยันว่าในวันเกิดเหตุถูกลอบยิงนั้นท่านแขวนมหาฤษีขอนสารเดขเพียงองค์เดียว
นี่เป็นสรรพคุณที่ ๒ ที่อวดได้
ใครก็ตามที่คิดว่าอยากจะได้พระสักองค์โดยไม่คาดหวังว่าต่อไปพระจะแพงและโด่งดังมีชื่อเสียง หากแต่หวังเพียงให้ได้ซึ่งพระที่ดีพอจะพึ่งท่านได้ยามมีภัย ก็อย่าเฉยเมยกันเลย
ฝรั่งชอบพูดเสมอว่า
Don’t be fooled. If something sound to good to be true, it probably is.
อย่าโง่ไปเลยถ้ามีอะไรบางอย่างที่ดีเกินกว่าจะเป็นความจริงได้ มันอาจเป็นจริงเช่นนั้นก็ได้
เก็บไว้คุ้มตัวเถิด พระดีแบบหลวงปู่เปลี้ยนั้น ผมว่าจะผลิกแผ่นดินหากันอีกคงยากเท่ากับงมเข็มในมหาสมุทร
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร ศูนย์พระเครื่อง ปีที่7 ฉบับที่ 191 (พฤศจิกายน พ.ศ.2540)