สมเด็จจันทร์กระจ่าง
เขาสร้างพระกันทำไม ?
เมื่อก่อนสร้างเพื่อหมายให้เป็นของสืบพระศาสนา
แต่เดี่ยวนี้เห็นจะพูดได้ว่าสร้างเพื่อหาปัจจัย
มีปัจจัยแล้วทำอะไรก็สะดวกไปหมด
ศาสนาในคติปัจจุบันอาศัยปัจจัยจรรโลงเอาไว้ทั้งนั้น
ศาสนาทุกวันนี้จึงเจริญรุ่งเรื่องอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของสิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย
เจริญถึงขนาดจะสร้างแข่งกันให้ใหญ่ที่สุดในโลกก็ทำได้
ไม่ใช่ของคุยโม้
ทั้งพระพุทธรูปหรือเจดีย์หรือโบสถ์วิหารฯ เขาทำได้ใหญ่สุดกว่าใครในโลกได้จริง ๆ
ไม่เชื่อก็จะพาไปชี้ให้ดู
น่าเกลียดไหม?
จะไปน่าเกลียดตรงไหน
ก็มันเรื่องของศรัทธาคนที่นับถือพระพุทธศาสนาทุกคน
ทุกวันนี้ถ้าศรัทธาแล้วก็ต้องบริจาคเงิน
ศรัทธาแล้วออกบวชเป็นพระเห็นจะน้อยลงจนแทบไม่มี
บริจาคเงินง่ายกว่าออกบวชเป็นไหน ๆ
เรียกว่าเจริญทานหรือบำเพ็ญทานบารมี
ท่านที่เป็นหัวใจแห่งศรัทธาในการบริจาคทาน เมื่อได้รับบริจาคทางปัจจัยแล้ว เอาปัจจัยไปสร้างพระพุทธรูป สร้างเจดีย์วิหาร เพื่อยืนยันศรัทธาของคนให้เห็นถนัดว่า ศาสนานี้มีคนนับถือมากก็นับว่าดีแล้ว
ดีกว่าไปซื้อรถเบนซ์รุ่นล่าสุดเป็นไหน ๆ คนที่ยังนั่งรถเมล์ มองดูรถเบนซ์ของท่านที่ตนเองศรัทธา จะนึกว่าเราก็มีส่วนบริจาคไปห้าสิบบาทด้วยเหมือนกัน จะภูมิใจไหม
แต่มองพระพุทธรูปองค์ใหญ่สุดในโลก แล้วนึกว่าห้าสิบบาทของข้าพเจ้าก็มีส่วนร่วมอยู่ในนั้นด้วย จะภูมิใจกว่าไหม
อย่าไปว่าท่านเลยครับ
ไม่มีศรัทธาจะทำบุญทำทานแล้ว ก็อย่าไปว่าคนอื่นที่เขามีศรัทธา
ทำความเห็นว่ายุคนี้เป็นยุคที่เจริญแต่วัตถุก็แล้วไป
หมดเรื่องค่อนแคะกัน
แต่อย่าถึงกับทำโรงทานให้ถึงกับกลายเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตเลย
ไหมล่ะ
พูดลอยๆนี่ผมก็พูดเป็นเหมือนกัน
อย่าว่าแต่เงินบาทลอยเป็นปุยนุ่น คำพูดคนก็ลอยได้ไม่แพ้หรอก
ลอยจนไม่มีใครจะเชื่อถือออกจะเยอะแยะไป
เมื่อพูดถึงคนสร้างพระทุกวันนี้จะต้องลืมคติโบราณที่ว่า สร้างไว้เพื่อสืบพระศาสนา
คือต่อเมื่อศาสนาสิ้นไปเมื่อ ๕ พันปี แล้วใครมาเห็นพระที่สร้างเอาไว้ จะได้รู้จักว่าที่นั้นเคยมีพระศาสนารุ่งเรือง
เรียกว่าไม่คิดอะไรเลย นอกจากเรื่องจะสืบพระศาสนาเท่านั้น
ทุกวันนี้คติในการสร้างพระเปลี่ยนแปลกออกไปบ้าง แต่ละคนแต่ละสำนัก เมื่อจะสร้างก็ต้องตั้งเจตนาก่อน คือคิดหรือกำหนดว่าจะทำพระขึ้นมาทำไม
เจตนาก็ปรากฏหลายแง่หลายนัย สุดแต่จะคิดตั้งเจตนาขึ้นมาสำหรับสร้างพระ
แม้จะได้ยินเพียงเจตนาว่าสร้างพระเพื่อหาทุนสร้างโรงพยาบาล สร้างกุฏิวิหาร สร้างอนุสาวรีย์ หรืออะไรต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ ก็ล้วนแต่สร้างเพื่อหาปัจจัยทั้งสิ้น
บอกแล้วไงยุคนี้เป็นยุคของปัจจัยเป็นใหญ่
มีปัจจัยแล้วทำตามเจตนาได้
ถ้าเขาพูดว่าสร้างพระทุกวันนี้เป็นพุทธพานิชย์ ก็อย่าไปเถียงเขาเลยครับ
เป็นพุทธพานิชย์แล้วใครจะทำไม
วิถีของพุทธพานิชย์ทุกวันนี้ยังน่านับถือว่าเป็นวิถีที่ดีงาม เพราะว่าปัจจัยที่ได้ก็เอาไปทำประโยชน์แก่สาธารณะ หรือเป็นวัตถุที่ภายหลังก็ยังคงยืนยันว่า พระศาสนาก็เคยรุ่งเรืองอยู่เช่นกัน
พุทธพานิชย์ที่พุ่งไปประโยชน์ส่วนรวมนั้นไม่น่านับถือตรงไหน
เหมือนรัฐบาลเก็บภาษีประชาชน เอาเงินภาษีไปสร้างชาติ พัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ จนปรากฎว่าเจริญรุ่งเรืองอย่างเห็นได้ชัด ภาษีนั้นก็พุ่งไปที่ประโยชน์ส่วนรวมเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าภาษีนั้นไหลไปเข้ากระเป๋าคนบางกลุ่มไว้ถลุงเล่นมันก็น่าเจ็บใจ
เงินบริจาคให้วัดหรือเช่าพระนั้นถูกพระครูหรือเจ้าคุณฯ ถลุงเล่นใครไม่เจ็บปวด
ภาษีเลี่ยงไม่ได้เพราะว่าผิดกฎหมาย
การบริจาคเลี่ยงได้ไม่ผิดกฎหมาย
อยากหรือไม่อยากจะบริจาคก็เป็นสิทธิของเรา
ก่อนบริจาคก็ดูให้ดีก่อนก็แล้วกัน
อย่าให้ใครมาพูดให้สะเทือนใจว่าตาดีได้ตาร้ายเสียเลย
นี่ผมพูดจนลอยเท้งมาขนาดนี้เห็นจะต้องถามกันซักหน่อยว่า คนสร้างพระไม่หาปัจจัยในทุกวันนี้จะมีหรือ
มีเยอะแยะ
ไม่พูดเล่น
อย่างน้อยผมก็เห็นอยู่คนหนึ่ง
คุณกฤช จันทร์กระจ่าง
ถ้าจะนับใครเข้าเป็นพรรคพวกกัน ผมก็นับเอาคุณกฤชเข้าไว้ด้วยคนหนึ่ง
ผมเป็นผู้ที่ออกจะมีพรรคพวกแยะ เจอใครที่พอจะจริงใจต่อกันก็นับญาติกับเขาหมด
ใจง่ายว่างั้นเถอะ
คนที่จะเป็นพรรคพวกกันได้นั้น แม้นว่าความคิดเห็นจะแตกต่างกันไปบ้าง ก็ไม่ถึงจะแตกกันหรือตัดขาดกันหรอกครับ
ถึงบทเจ็บแค้นเคืองโกรธ ก็เจ็บด้วยแค้นด้วย หรือหลงรักมักจี่ใครเข้าก็เอาด้วย ไม่สงสัยในพรรคพวกเดียวกัน
เมื่อจะเขียนถึงคุณกฤชซึ่งเป็นพรรคพวกกันแล้ว ต้องเขียนด้วยฉันทาคติ คือลำเอียงเพราะชอบพอกัน
เพราะฉะนั้นใครจะว่าผมเชียร์เพื่อน ก็รับละครับ
อย่าไปรู้เลยว่าคุณกฤชทำมาหากินอะไร เอาเป็นว่าชีวิตของคุณกฤช มีความมั่นคงพอจะหันมาใฝ่ทางบุญได้ไม่ยาก
ความที่เป็นผู้ชอบเรื่องทางขลังเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นนอกจากทำบุญถวายทานแล้วก็คิดทำของขลังไปด้วย
ไม่ต้องไปตั้งเจตนาสร้างให้วุ่นวายอะไร
รู้สึกอยากทำก็ทำเท่านั้นไม่คิดมาก
ขวนขวายหาของแปลกประหลาดมาเป็นมวลสารพระได้อย่างน่าทึ่ง อะไรเห็นว่าดีเห็นว่าเป็นมงคลเป็นวัตถุอาถรรพ์ไปคว้ามาทำพระหมด
อย่างเช่นเถาวัลย์หลงซึ่งคุณกฤชให้ความนับถือเลื่อมใสที่สุด ก็ไปแสวงหามา
แม้ดินท้องสนามหลวงก็ยังคิดไปเอามาผสมพระ
ตอนเขาขุดดินสนามหลวง เพื่อสร้างพระเมรุมาศของสมเด็จย่านั้นแหละครับ
เห็นเขาขุดลงไปลึกๆ คุณกฤชก็ไปด้อมๆ มองๆ มองแล้วคว้ามา
ช่างคิดช่างทำอะไรปานนั้น
คุณกฤชสร้างพระมาหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีจำนวนน้อย สร้างแล้วก็แจกเพื่อนฝูงญาติมิตร ไม่แพร่หลายออกไป
แต่ผมค่อนข้างโชคดีที่คุณกฤชมีใจระลึกถึงแทบทุกรุ่นเหมือนกัน
มีอยู่รุ่นหนึ่งเป็นพระผงใบโพธิ์รูปพระพุทธเจ้าปางนาคปรก ที่สร้างถวายให้หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย ปลุกเสก
พรรคพวกเอาไปลองยิงไม่ออก
วันนั้นยิงกระจุยไปหลายองค์เว้นแต่พระนาคปรกเนื้อผงองค์นี้เท่านั้น
ใครนึกอยากได้ก็อย่าไปหาเลยครับ พระของคุณกฤชนั้น สร้างเงียบ เสกเงียบ แจกเงียบ และยิงเงียบๆ มาตลอด
ในบรรดาพระหลายรุ่นที่สร้างมาตลอดเวลา ๒-๓ ปีมานี้ ผมประทับใจและถูกใจที่สุดอยู่รุ่นหนึ่ง
พระสมเด็จจันทร์กระจ่าง (เกศคด)
ไม่ใช่เพราะพระสมเด็จจันทร์กระจ่างไปเกิดประสบการณ์อะไรหรอกครับ หากแต่เพราะเป็นพระสร้างดี มวลสารดีและเสกดี
ทีนี้มาแยกธาตุของพระสมเด็จจันทร์กระจ่างก่อน
สิ่งแรกที่เห็นจะเป็นธาตุที่สำคัญที่สุดคือ ผงพระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งคุณกฤชเป็นเจ้าขององค์หนึ่ง และมีศรัทธา ถึงกับขูดเอาผงจากเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังมาผสมด้วย
คุณกฤชไม่กล้าขูดเองหรอกครับ แต่อาศัยพระที่วัดแก่งตอยขูดให้
ขณะทำการขูดนั้น ได้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ๑ ภาพ และภาพที่ถ่ายก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นมา คือว่าทุกสิ่งทุกอย่างในภาพเห็นถนัดชัดเจนหมด แต่มือที่กำลังขูดพระกับองค์พระสมเด็จกลับไม่เห็นเลย
พระสมเด็จองค์นี้คุณกฤชยืนยันว่าเป็นพระแท้เพราะว่าได้ลงมือแห่ท่านรอบสนามพระเครื่อ
งมาแล้วหลายสนาม
ต่อไปก็เป็นผงอิทธิเจหลวงตาเจียม ซึ่งท่านเป็นผู้สร้างพระสมเด็จวัดไร่ขิง รุ่น ๑ กับรุ่น ๒
ผงพระสมเด็จวัดเกศไชโย
ผงดินพระธาตุพนม
ผง ๓๐๐ กว่าอาจารย์ของผมเอง ซึ่งเหลือจากการสร้างพระฤาษีอริยธาตุ
ปูนจิตกาธารหลวงปู่เทศก์ วัดหินหมากเป้ง (ปูนที่ก่อขึ้นเป็นเตาเผาศพหลวงปู่)
ผงอิฐโบราณ ๑,๓๐๐ กว่าปีของวัดแก่งตอย
ดินท้องสนามหลวงกับดินจากวัดพระแก้ว
เถาวัลย์หลงป่น
ทองปิดองค์หลวงพ่อโสธรแปดริ้ว
ผงพระสมเด็จรุ่นแรก ของวัดแก่งตอย ,ผงพระสมเด็จหลวงพ่อแพ ,ผง
สมเด็จหลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
เพชรหน้าทั่ง ,ผงพระแตกหักของสารพัดอาจารย์ จำนวนมาก, เปลือก
หอยล้านปีจากวัดเจดีย์หอย
ผงสาริกาทิพย์สุวรรณ และ ฯลฯ
รวมผงได้ ๖ ขีด
เอาไปผสมปูนเปือกหอยรวมน้ำหนัก ๒.๕ กก.กดพิมพ์
พระสมเด็จจันทร์กระจ่าง ได้ ๔๐๐ กว่าองค์
โดยนวดกับน้ำมนต์สรงพระแก้วมรกต น้ำสรงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ,น้ำมนต์พิธีพุทธาภิเษกวัดพระแก้ว ,น้ำมนต์หลวงปู่คร่ำ หลวงปู่คำพัน หลวงพ่อคูณ ,น้ำมนต์วัดระฆัง ,วัดอินทร์วิหาร และน้ำเทพมนต์จากโบสถ์พราหมณ์
พระสมเด็จเนื้อขาวมี ๓๐๔ องค์
พระสมเด็จเนื้อดี(หมายเหตุผู้พิมพ์ น่าจะเป็นเนื้อดำ)มี ๑๑๘ องค์
ด้านหลังปั้มพ์ตรายางตัว “ยะ” (ขอม)
องค์ปลุกเสกคือ หลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช โดยปลุกเสกตลอดคืนวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ และหลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ ระหว่างวันสงกรานต์
ผมถือว่า…เป็นพระชุดที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่คำพันกับหลวงปู่เปลี้ยที่สมบูรณ์ที่สุด มีแต่รุ่นนี้รุ่นเดียวและจะไม่มีอีกตลอดกาล
ถือเป็นมรดกขลังชิ้นสำคัญที่ต้องบันทึกเอาไว้เพื่อไม่ให้พระสูญหายไปจากความทรงจำ
คุณกฤชสร้างพระรุ่นนี้เหมือนรุ่นก่อน ๆ คือสร้างเพื่อขลังเท่านั้น ไม่ใช่สร้างเพื่อปัจจัย หรืออะไรอื่น
นี่ก็ทราบว่าคุณกฤชแจกพระรุ่นนี้ออกจะเพลินไปหน่อย จะหมดแล้วก็ไม่รู้
แต่ทราบจากทิดโสมซึ่งเคยบวชอยู่กับท่านอาจารย์เวทย์วัดแก่งตอยว่า เห็นท่านอาจารย์เก็บไว้หลายองค์ จริงเท็จอย่างไรใครรู้จักท่านอาจารย์เวทย์ก็ขวนขวายเอาเอง
พระชุดนี้ไม่มีสถานที่จะบอกให้ไปบูชา เพราะว่าสร้างความเพลิดเพลินในการแจก หากแม้นว่ากิเลสใครงอกงามขึ้นมากผมต้องขออภัยด้วย
วันหลังผมจะยุคุณกฤชให้สร้างอีกเยอะ ๆ หน่อยจะได้กระจายพระไปหาคนอื่นๆ ที่อยู่ไกลโพ้นบ้าง
คน ๆ นี้สร้างพระแล้วจะเป็นพระดีเพราะว่าสร้างด้วยจิตศรัทธาอย่างแท้จริง
อย่าเสียใจเลยครับไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของพระสมเด็จจันทร์กระจ่างโดยง่ายเพราะว่าพระดี
อื่นๆก็มีอยู่มากที่พอจะเป็นเจ้าของได้ง่าย
บุเรงนองหลังกบใบมะขามของหลวงพ่ออุตตมะก็ใช่ย่อยเมื่อไหร่
คนสร้างคือคุณอภิรักษ์ จุฬาสินนท์ ซึ่งก็จัดเข้าเป็นจำพวกเดียวกับคุณกฤชคือ สร้างพระด้วยศรัทธา ไม่สนเรื่องปัจจัย สร้างถวายหลวงพ่ออุตตมะมาตลอด ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อยังเงียบกริบ จนดังโครมครามแบบทุกวันนี้
คุณอภิรักษ์แม้จะสร้างพระไม่หวังปัจจัย แต่พระของคุณอภิรักษ์ก็ทำปัจจัยให้กับวัดวังวิเวการาม มากมายมหาศาล
พระทุกรุ่นที่คุณอภิรักษ์สร้างถวายหลวงพ่ออุตตมะนั้น เป็นการสร้างถวายโดยไม่เคยหักค่าใช้จ่าย
ใครไม่เชื่อไปสอบสวนได้
แล้วก็มีคุณพิชย จารุทัสนางกูร (พิชยนะครับ ไม่ใช่พิชัย)ที่ชอบสร้างแบบไม่สนใจปัจจัย ไม่หักค่าใช้จ่ายแต่ว่ารายนี้ชอบแจกพระบนเครื่องบิน
ใครเจอคุณพิชยบนเครื่องบินรับรองได้พระแจกแน่
พระเลี่ยมทองอยู่ในคอยังปลดออกแจกเฉย ๆ
เรื่องแจกคงต้องยกให้คุณพิชยเป็นยอดวิทยายุทธในบรรดาพรรคพวกเรา
แต่ตอนนี้เห็นคิดการว่าจะแจกของคุณอภิรักษ์บุเรงนองหลังกบใบมะขาม ที่ถือว่าเป็นการสร้างครั้งแรกของหลวงพ่ออุตตมะ โดยสร้างขึ้นเมื่อปีกลางที่แล้ว
ขณะนี้อยู่ในมือผม ๔๐๐ องค์ คุณอภิรักษ์มอบหมายมาให้ผมแจกสำหรับผู้อ่าน คอลัมน์สืบหาพระเครื่องดีโดยเฉพาะ
ใครมีศรัธทา เชื่อถือพระดีรุ่นนี้ โดยไม่มีข้อสงสัยแคลงหัวใจรีบขอไป ไม่มีเงื่อนไขในการแจกครับ ผมจะแจกโดยไม่ใช้ฉันทาคติ
คงต้องบอกว่าเรื่องการสร้างพระในยุคหลังๆนี้ คนสามสี่คนที่กล่าวนามมานี้ เป็นหนึ่งในนักสร้างพระดีที่มีอยู่ทั่วเมืองไทยที่เชื่อถือได้
ถ้าพวกเขาสร้างพระเมื่อไหร่อย่าไปสงสัยเลย พวกเขาเป็นคนดีทุกคน
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศูนย์พระเครื่องราวปี 2540