ไปถ่ายทำปกนิตยสาร
บวร จรดล ส่งภาพปกหนังสือ ๗๕ แม็กกาซีนมาให้ระลึกชาติ
เป็นปกที่จำลองเหตุการณ์จากนวนิยายเรื่องยาวเกี่ยวกับทหารรับจ้าง ของ”สยุมภู ทศพล” โดยมี “รณ ฤทธิชัย” แสดงเป็นพระเอก ซึ่งขณะนั้น ยังไม่ได้แสดงหนัง ยังเป็นเพียงนักศึกษาวิชาพลที่วิทยาลัยพลศึกษา เช่าห้องพักอยู่ในซอยเล็กๆหน้าสนามกีฬาแห่งชาติปทุมวัน
อีตา “อำพล เจน” ก็ถูกเขาลากให้มารับบทเป็นเวียตกง ให้พระเอกรณเอาดาบปลายปืนแทงข้างหลัง ส่วนเวียดกงอีกคนที่ใส่เสื้อสีฟ้าเป็นคนขับรถตู้ของสำนักพิมพ์จินดาสาส์น(เพชรพระอุมา) ชื่อว่าประคอง
ถ่ายปกกันแบบอุตสาหกรรมครอบครัว แทบไม่มีค่าใช้จ่าย พระเอกรณก็ไม่รู้ได้ค่าตัวหรือเปล่า(จำไม่ได้) อาจบริจาคร่างกายอันหล่อเหลาล่ำสันให้ขึ้นปกหนังสือฟรีๆเป็นอภิมหาทานก็ได้
ปกนี้ไปถ่ายทำไกลถึงราชบุรี ได้หัวหน้าตชด.(จำชื่อยศตำแหน่งไม่ได้)ซึ่งเป็นน้องชายของอา”เริง บริรักษ์” อำนวยความสะดวกเรื่องหาอาวุธปืนและเครื่องแบบให้พระเอกรณ
จำได้ว่าพวกเรา ซึ่งมีน้าหมู(จุลศักดิ์ อมรเวช)เป็นหัวหน้าทีม มีอาเริง บริรักษ์เป็นผู้ประสานงานและนำพาพวกเราไปรับตัวพระเอกรณที่หอพักหน้าสนามศุภฯ .. ผมก็ได้เจอพระเอกรณครั้งแรกที่นี่ (คนอะไรไม่รู้หล่อชมัด) .. อีกคนที่ขาดไม่ได้คือพี่จำเริญ บุญเสนอ ช่างภาพประจำสำนักพิมพ์ ผู้ผูกขาดการถ่ายภาพทดสอบปืนของพี่อี๊ด(พนมเทียน) ส่วนคุณประคองทำหน้าที่ขับรถตู้
ตลอดทางไปราชบุรี ๒-๓ ชั่วโมงนั้น พระเอกรณเล่าเรื่องสัปดนสองแง่สามง่ามที่อีสานบ้านเฮาเรียกว่า “นิทานก้อม” ฮาแล้วฮาอีก จนถึงกับตรัสรู้ว่าอาการที่เขาบอกหัวเราะจนเหงือกแห้งนั้นเป็นเยี่ยงไรฤา
—-
เมื่อไม่นานปีมานี้ ผมเจอพระเอกรณอีกครั้งโดยบังเอิญที่สนามบินนานาชาติอุบลฯ บุคคลิกเป็นผู้ใหญ่ ไม่ทะลึ่งตึงตังเหมือนเก่า บางทีจะเพราะได้เป็นนักการเมือง และได้เป็นดาราหนัง เป็นคนมีชื่อเสียง จะมาทำตัวรื่นเริงเป็นเด็กสนุกสนานอยู่เหมือนเก่าไม่ได้อีกต่อไป
(รณฤทธิชัย คานเขต)
—
เช่นเดียวกับพระเอกปิยะ ตระกูลราษฏร์ นั่งดูมวยศึกวันทรงชัยเวทีลุมพินีอยู่ชั้นเป่าปี่ด้วยกันกับ”จี๊ด”(เทพสิทธิ โมฬีชาติ ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการอำนวยการ หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ )ที่เพิ่งมีวาสนาดีได้เล่นหนังเป็นครั้งแรก เรื่อง บ๊ายบายไทยแลนด์ โดยผู้กำกับฯ สุรสีห์ ผาธรรม แต่วาสนาไม่ดีก็ตามมาติดๆ หนังไม่ได้ฉายเฉยเลย
(จี๊ด เทพสิทธิ์ โมฬีชาติ ขวาสุด)
—
จี๊ดดูมวยไปก็ออกอาการเชียร์มวยแบบสุดเหวี่ยง
พระเอกปิยะนั่งอยู่ข้างหลังก็สะกิดเบาๆ
“จี็ด..เก็บอาการหน่อย เราเป็นดาราหนังแล้วนะ คนเขาจะว่าเอา”
ผมก็แอบชำเลืองดูพระเอกปิยะว่าจะเก็บอาการยังไง
เห็นพระเอกปิยะนั่งนิ่งไม่ไหวติงอย่างกับรูปปั้นไม่มีชีวิต ในขณะที่จี๊ดแม้พยายามจะเก็บอาการแล้ว แต่ก็ยังมีอาการกระตุกๆสะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่มวยบนเวทีออกอาวุธใส่กัน
นึกในใจว่า..นี่ถ้าพระเอกปิยะออกบวช ..จะไปไกล
เพราะมีตบะเดชะอดทนอดกลั้นต่ออารมณ์ต่างๆที่กระทบเข้ามาทางหูทางตาได้อย่างยอดเยี่ยม
(ปิยะ ตระกูลราษฏร์)