ศาลาผีดุ
ความจริงเรื่องวัดหลวงปู่ทองสากับศาลาผีดุนั้น ผมเว้นไว้ไม่กล่าวถึงเหตุการณ์แปลกๆอย่างหนึ่ง
จะถือโอกาสเล่าให้ฟังคราวนี้
ศาลาที่เราเลือกนอน เป็นศาลาที่อยู่ข้างประตูวัด หลวงปู่พักที่นั่น มีรอยนอนของหลวงปู่ปรากฏอยู่
หลังจากแยกย้ายกันหามุมสับปายะของใครมัน ก็เอนหลังนอนเงียบกันทุกคน
ยังไม่หลับดี เสียงดังปานฟ้าผ่าอยู่บนหลังคา เสียงนั้นทำเอาสะดุ้งโหยง
ปลัดตุ๋ยฉายไฟส่องขึ้นหลังคา บุ้ยใบ้บอกผมว่าเสียงที่ดังนั้นเกิดขึ้นตรงนั้น
ไม่ทราบเสียงอะไร
เดาว่าเป็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่หล่นใส่
ตอนเช้าจึงสำรวจดูว่าเสียงนั้นเกิดจากกิ่งไม้จริงไหม
ปรากฏว่าไม่มีต้นใหญ่ขึ้นอยู่ใกล้หลังคา จนพอที่จะทำกิ่งหักหล่นใส่ได้เลย
จึงเป็นเสียงปริศนาอยู่จนทุกวันนี้
ระหว่างที่นอนอยู่ในศาลานั้น นอนด้วยอาการระวังตัว ทำให้หลับยาก หลับไม่ลง
ผมจึงถือโอกาสนอนภาวนาไปเรื่อยๆ กำหนดลมหายใจไปเรื่อยๆ ไม่หลับ
สิ่งที่ปรากฏในคืนนั้น เหมือนเราตกภวังค์อะไรสักอย่าง
ตัวผมออกไปยืนอยู่หน้าทางเข้าศาลา
เห็นคนจำนวนเป็นร้อยเดินผ่านไปมาอยู่บนทางเดินเท้าหน้าศาลา
สักพักส่วนหนึ่งเดินรี่เข้ามาที่ศาลา แล้วก็ทะยอยเดินเข้าศาลาเป็นแถว
ตอนนี้จึงรู้ว่าที่เราเห็นนั้นไม่ใช่คน แต่เป็นผี
ผีที่มีอยู่ทุกสภาพ หัวไม่มี เน่าเฟะ แขนขาดขาขาด เด็ก ผู้หญิงหรือคนแก่ ทั้งสวย หล่อ น่าเกลียดน่ากลัว แม้แต่สภาพโปร่งแสงก็มี
เดินเข้าศาลาเป็นสาย ไม่สนใจมองผม ไม่สนใจว่าจะเดินชนผมหรือไม่
ที่ผมทำคือหลบคนโน้นที คนนี้ที เบี่ยงตัวหลบเพื่อไม่ให้เขาเดินชน
พวกเขาทำอาการเหมือนไม่เห็นผมยึืนขวางอยู่ตรงนั้น
พวกเขาเข้าไปออกันอยูในศาลา คล้ายกับกำลังเข้ามาประชุมกันทำกิจอะไรสักอย่างร่วมกัน
ผมไม่ทันเห็นเหตุการณ์ต่อจากนั้นว่าพวกเขาเข้ามาเพื่อประกอบกิจอย่างไร
ด้วยว่าแค่เดี๋ยวเดียวไก่ก็ขัน
เสียงไก่ปลุกผมตื่นจากภวังค์อันนั้นทันที
มองดูนาฬิกา
ตี 5 พอดี
เหลือเชื่อมาก ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านเวลานั้นมาแค่ประมาณชั่วโมงเดียว
ไม่ใช่ 6 ชั่วโมงตามเวลาจริง
ไฉนจึงเช้าเร็วปานนั้น
เป็นปรากฏการณ์ที่ผมถามตัวเองว่ามันคืออะไร
มันเป็นแค่ภาพลวงตาหรือเป็นเพียงนิมิตธรรมดา
ซึ่งผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ได้หลับและไม่ได้ฝัน
ทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบ
ไม่เคยเล่าให้หลวงปู่ฟังอีกด้วย