ปู่เป็นคนชอบนอนละเมอ
เมื่อราวๆปี48 นิมนต์หลวงปู่มาดูพื้นที่ป่าในเขตอำเภอโขงเจียม แถวๆบ้านเวินบึก
ป่านี้เคยมีเรื่องเข่นฆ่า มีคนตายกันอยู่ในป่า เป็นร้อยศพ
สมัยนั้น สมัยลาวแตก ทหารลาวไล่ฆ่าชาวบ้านที่อพยพหนีผ่านป่าแห่งนี้เข้ามาลี้ภัย
เขาเล่ากันว่า แม้เวลากลางวัน คนออกหาของป่ายังวิ่งหนีป่าราบ ด้วยมีเสียงร้องโหยหวนเกิดขึ้นกลางวันแสกๆ
เขาว่าเป็นเสียงผีที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด ยังรับความทุกข์อยู่ในป่านั้น
ทีนี้สารวัตรเทวินทร์ได้ซื้อที่ดินติดป่าและเขาเดียวกัน นึกอยากถวายที่ดินแปลงนั้นแก่หลวงปู่ทำสำนักสงฆ์หรือวัด
หลวงปู่ก็มาดู
ตกลงก็รับไว้ เทียวไล้เทียวขื่อจากหนองคายกับอุบลฯหลายเที่ยว
สภาบุญก็ไปสร้างกุฏิถวายไว้4หลัง ซื้อไม้เก่าจากที่เขารื้อบ้านพักครูของสถาบันราชภัฏ อุบลฯ 2แสนกว่าบาท
นอกจากปลูกกุฏิที่นั่นได้4หลัง ยังเหลือไม้ปลูกศาลาที่ศูนย์พุทธสถานสภาบุญ อ.กุดข้าวปุ้นอีก 1 หลัง
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ทองสามากับลูกศิษย์ พักนอนที่นั่น ผมและท่านเมี่ยง วรมัน กลับเข้าเมือง นอนบ้านตนเอง
สารวัตรเทวินทร์อาสาอยู่ปรนนิบัติแทน และนอนกับหลวงปู่ในป่านั้น
ลูกศิษย์หลวงปู่แอบกระซิบสารวัตรว่า อยากเจออะไรดีๆี ให้นอนแอบฟังหลวงปู่เน้อ
สารวัตรสนใจอยากรู้ว่าเรื่องอะไร แอบเอาเสื่อไปปูนอนใต้ถุนกุฏิ
ตกดึกได้ยินเสียงหลวงปู่กึ่งเทศน์กึ่งอบรมธรรม
คล้ายๆกับกำลังพูดหรือสนทนาธรรมหรืออบรมธรรมให้ใครฟังตลอดทั้งคืน
ใกล้แจ้งจึงเงียบ
สารวัตรบอกว่าน่าฟังจับจิต จนบางข้อธรรมเอามาถือปฏิบัติได้
ต่อมาหลวงปู่มาพักที่บ้านผม
จัดห้องถวายท่านแล้ว ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องที่สา่รวัตรเล่าให้ฟัง
ตกดึกผมแอบย่องมาแอบพิงข้างฝาห้อง จะฟังเสียงหลวงปู่คุยกะใครไม่ทราบเหมือนสารวัตรได้ฟัง
ปรากฏว่าเงียบ ไม่มีเสียงอะไรเลยจนรุ่งแจ้ง
เรื่องนี้คาอยู่ในใจผม
จนวันหนึ่งอดถามท่านไม่ได้ว่ามันเป็นยังไงกันแน่
หลวงปู่บอกยิ้มๆว่า
“ปู่เป็นคนชอบนอนละเมอ”
ผมก็นึกว่าจะเชื่อท่านดีหรือไม่ดีอยู่จนทุกวันนี้