อาจินต์ ปัญจพรรค์
สัก ๔๐ ปีมาแล้ว
นักเขียนเรื่องสั้นหน้าใหม่คนหนึ่งของนิตยสารฟ้าเมืองไทยตกระกำลำบากต้องมาพึ่งพาอาศัยกินอยู่หลับนอนที่บ้านนานเดือน
นักเขียนท่านนี้พี่อาจินต์ ปัญจพรรค์ได้อุปถัมภ์ค้ำชูอยู่ และท่านก็ทราบว่าเขามาอยู่ในร่มเงาปีกของผมนานแล้ว
วันหนึ่งผมไปหาพี่อาจินต์ ปัญจพรรค์ที่สำนักงานนิตยสารฟ้าเมืองไทยเพื่อขอเรื่องสั้นของท่านมาลงประจำในหนังสือออกใหม่ชื่อ“นิยายภาพ”
ท่านถามว่า “เอ็งเป็นบรรณาธิการเหรอ ..มีงบค่าต้นฉบับเท่าไหร่”
ตอบท่านไปอย่างกล้าๆกลัวๆว่า “๑พันครับ”
ท่านพยักหน้าหงึกๆ ไม่ว่าอะไร
หลังจากนั้นก็ถามข่าวคราวนักเขียนคนนั้นว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ไม่พูดคุยธุระเรื่องงานอีก เว้นแต่เรื่องสารทุกข์สุกดิบ อย่างที่ผู้ใหญ่ให้ความสนใจกับเด็กๆตามสมควร
ต่อมาหนังสือนิยายภาพจัดพิมพ์เสร็จและออกวางตลาดเรียบร้อยแล้ว ผมกำเงิน ๑ พัน กลับไปหาท่านเพื่อจะจ่ายเป็นค่าต้นฉบับคอลัมน์ประจำ “รำพึง โดย อาจินต์ ปัญพรรค์”
“เอาเงินค่าเขียนมาจ่ายรึ?”
“ครับ”
“เอามา”
ผมล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาควักแบ้งค์ร้อย ๑๐ใบส่งให้
ท่านรับเงินไปนับแล้วแยกออกวางบนโต๊ะเป็น ๒ กอง
กองละ ๕๐๐ บาท
หยิบกองแรกขึ้นมาแล้วส่งให้ผม แล้วบอกว่า “อันนี้ฝากไปให้ไอ้เทิง”
ไอ้เทิง_คือนักเขียนคนนั้นที่ท่านทราบว่าอาศัยอยู่กับผม
ส่วนกองที่ ๒ ท่านหยิบขึ้นมาส่งให้ผมแล้วบอกว่า
“อันนี้ให้เอ็ง”
ท่านไม่รับค่าต้นฉบับของท่านเองแม้แต่บาทเดียว….
นี่คือเจ้าของสำนวนอันโด่งดัง_ตะกร้าสร้างนักเขียนมาทุกยุค
แท้จริงแล้วท่านนั่นเองคือผู้สร้างและส่งเสริมนักเขียนทุกยุค
หาใช่ตะกร้าไม่