ว่าด้วยเรื่องนางกวัก
ทำไมต้องนางกวัก ?
พักเรื่องพระเครื่องสักฉบับนะครับ เพราะว่าจะต้องพูดถึงเรื่องนางกวัก ซึ่งเกิดมีปัญหาขัดคาหัวใจมาเนิ่นนานพอสมควร
คงต้องบอกว่าที่จะพูดกันในบัดนี้นั้น เป็นทั้งความคิดเห็นส่วนตัว ซึ่งอาจมีผิดและถูกตามประสาปุถุชนธรรมดา
ที่เห็นนั้นคือเห็นว่าไม่ควรแขวน หรือ วางนางกวักไว้เสมอกับพระพุทธ หรือ พระสงฆ์
หมายถึงว่าไม่ควรตั้งนางกวักไว้บนหิ้งบูชาเสมอกับพระพุทธรูป หรือพระสงฆ์ และ ไม่ควรแขวนสร้อยคอ โดยมีนางกวักอยู่ร่วมกับพระสงฆ์
นางกวักคือผู้หญิงคนหนึ่ง
เพศของนางกวักนั้นต่ำกว่าพระ
ผมเชื่อว่าหลายคนอาจเห็นด้วยกับผมในข้อนี้ และทราบความนัยนี้แจ่มใจหลายท่านแล้ว แต่ว่าก็มีอีกมากมายที่ยังไม่ทราบ
กุญแจเพื่อเปิดเหตุผลนี้ จึงมีชื่อว่า “ทำไม”
พระพุทธองค์ทรงเคยกล่าวว่า แม้ภิกษุณีผู้สำเร็จแล้วซึ่งอรหันต์ ยังคงต้องทำสักการะภิกษุแม้เพิ่งบวชได้วันเดียว
ฟังดูอยุติธรรมเต็มที
แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ผู้หญิงทั้งหลายอย่าเพิ่งจุดฟืนไฟขึ้นในใจนะครับ ถ้าปะทุขึ้นมาหน่อย ๆ หาน้ำดับเสียก่อน
มีอยู่ 2 เรื่อง จะเล่าเพื่อให้เป็นเหตุสนับสนุนข้อคิดของผม ฟังดูอาจเหลวไหลงมงาย แต่ว่าเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือเปล่าค่อยๆ พิจารณาไป
เรื่องแรก
ในห้องพระบ้านผมนั้น มีรูปหลวงปู่ครูบาอาจารย์แขวนข้างฝา หลังหิ้งบูชาหลายรูป เช่น หลวงปู่ชอบ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา หลวงปู่สิม หลวงปู่เกษม หลวงปู่แช่ม หลวงปู่หลุยฯ
เหตุเกิดที่รูปหลวงปู่หลุย จันทสาโร กับรูปหลวงปู่แช่ม ฐานุสโก วัดดอนยายหอมนี่เอง
รูปหลวงปู่แช่มนั้นเป็นรูปที่พิมพ์ไว้ในผ้ายันต์ผืนโตพื้นเหลือง ซึ่งบอกว่าเป็นผ้ายันต์รุ่นแรก หลวงปู่แช่มให้ผมมาและสั่งให้ใส่กรอบไว้ที่บ้าน แขวนไว้เหนือรูปหลวงปู่หลุย คืออยู่บนหัวของหลวงปู่หลุยนั่นเอง
วันหนึ่งรูปผ้ายันต์หลวงพ่อแช่มก็ตกลงมาจากที่แขวน ไม่แตก แม้ว่าจะสูงพอสมควร ตรวจดูแล้วพบว่าห่วงใส่โซ่ทองเหลืองที่ร้อยกรอบรูปสำหรับแขวนกับตะปู ขาดจากกัน ก็ไม่ว่าอะไร แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมโซ่จึงขาดได้ ก็จัดการซ่อมแซมใหม่อย่างดี แล้วนำกลับขึ้นไปแขวนไว้ที่เก่า
คืนหนึ่งเข้านั่งสมาธิ ดับไฟในห้องพระ กำลังเพลินก็มีเสียงดังปานฟ้าผ่า ในใจนึกรู้ว่าเป็นลักษณะของเสียงอะไรสักอย่างที่ขนาดใหญ่ตกสู่พื้นห้องอย่างแรง
ลืมตาลุกไปเปิดไฟ มองสำรวจไปทั่วทั้งห้อง ไม่พบว่ามีอะไรตก หรือหกล้มสักอย่างเดียว ก็คิดว่าคงเป็นนิมิตธรรมดาๆเท่านั้น
แปลกนะครับ ในสมาธินี้เสียงอะไรก็ตามต้องเอาอะไรคูณเข้าไปเสมอ
เสียงแมงหวี่บินอาจเป็นเสียงปีกพญาอินทรี
เสียงเข็มตก ก็ปานเสียงเครื่องบินตก
สองสามวันต่อมา ขึ้นไปที่ห้องพระ ไปทำธุระอะไรสักอย่างซึ่งผมลืมไปแล้ว, เห็นผิดสังเกตที่รูปผ้ายันต์หลวงปู่แช่ม ทำไมจึงต่ำกว่าปกติ ลุกขึ้นไปหยิบรูปออกมาดู พบว่าโซ่ทองเหลืองหลุดจากหัวตะปู แต่กรอบรูปไม่ตกลงพื้นเพราะเหตุว่าขอบของกรอบรูปไปค้างเกี่ยวกับหัวตะปู ซึ่งเป็นเหตุให้กรอบรูปต่ำกว่าปกติ
ผมก็งง
ไม่น่าจะหลุดออกจากหัวตะปูได้เลย แถมตะปูดอกที่ตอกฝาไว้แขวนรูปหลวงปู่แช่มก็งอพับลงมา ถ้าจะงอกลับให้ตรงต้องใช้คีมตัด
ดูแล้วเหมือนกรอบรูปหลวงปู่แช่มถูกกระชากอย่างแรง ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้
พิจารณาอยู่นานพอสมควร คิดไม่ออกว่าเพราะอะไร แต่ในที่สุดผมก็ร้องอ๋อเต็มเสียง
ใต้รูปหลวงปู่แช่มในผ้ายันต์นั้นมีรูปนางกวักอยู่ด้วย คงเป็นเพราะนางกวักไปขี่อยู่บนหัวหลวงปู่หลุยนี่เอง
ต้องเป็นอย่างนี้แน่
เพราะว่าไม่เห็นเหตุผลอื่นที่จะมาแสดงให้ทราบว่ากรอบรูปหลุดจากตะปูแขวนได้อย่างไร ตะปูแข็งขนาดนั้นงอลงได้อย่างไร !
เสียงที่ได้ยินว่าดังปานฟ้าผ่าก็น่าจะมาจากเรื่องนี้ด้วย
จัดการย้ายรูปผ้ายันต์หลวงปู่แช่มที่มีนางกวักอยู่ข้างล่างผ้ายันต์ออกไปแขวนไว้ต่างหาก หลังจากทำอย่างนั้นแล้ว ผ้ายันต์ของหลวงปู่แช่มก็อยู่ตรงนั้นตลอดมา ไม่มีปัญหา
อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นกับแม่ของผม ซึ่งปกติแล้วเป็นผู้เคารพพระเป็นที่สุด ใครให้พระอะไรแม้ไม่รู้จักก็นับถือหมด
วันหนึ่งผมให้พระของหลวงพ่อชาไปองค์หนึ่ง แม่บอกว่าลูกช่วยเอาใส่แหนบให้แม่ที แม่ปลดแหนบพระที่กลัดติดกับปกเสื้อมาให้ผม และผมก็เห็นนางกวักแขวนอยู่ร่วมในแหนบด้วยองค์หนึ่ง แล้วก็มีพระอีกสองสามองค์แขวนรวมอยู่ด้วย
ผมถามว่าแม่เอานางกวักนี่มาจากไหน แม่ตอบว่าลูกให้แม่ไงล่ะ ผมบอกว่าไม่ได้ให้ ผมไม่เคยมีไม่เคยให้นางกวักแม่สักองค์
พอดีลูกสาวแม่อีกคนร้องมาว่าฉันให้เอง เป็นอันว่ารู้เรื่องใครให้ เพราะว่าถ้าเป็นพระที่ผมให้แม่จะแขวนหมดทุกองค์ แม่คงลืมไป
ผมบอกให้แม่ถอดนางกวักออกจากแหนบพระนั้นเสียเถิด ให้พกไว้ต่างหาก อีกที่หนึ่งก็ได้ แม่สงสัยว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น
จึงเล่าเรื่องผ้ายันต์หลวงปู่แช่มกับหลวงปู่หลุยให้แม่ฟัง
แม่ก็ตาเหลือก
“มิน่าเล่า” แม่เอะอะ
“มิน่าเล่าอะไรล่ะแม่” ผมซัก
“ตั้งแต่แม่ใส่นางกวักเข้าไป แม่คั๊น คัน ไม่รู้ว่าทำไมจึงคัน คิดว่าช่างเลี่ยมกรอบพลาสติกคงทำกรอบไม่ดี ต้องเอาออกจากเสื้อชั้นในมาเหน็บไว้เสื้อชั้นนอกถึงยังงั้นก็คัน แม่อยากพกก็ทนเอา”
ครั้นถอดนางกวักออกมาจากแหนบนั้นแล้วแม่หายคันจนทุกวันนี้
แปลกนะครับ
บางทีคนอื่นอาจไม่ประสบแบบนี้ แต่ที่ผมเล่ามาสองเรื่อง ขอรับรองว่าเป็นเรื่องเกิดขึ้นจริง ๆ
เคยเห็นหิ้งพระหลายหิ้งจากหลายบ้าน บางทีตั้งนางกวักไว้สูงกว่าพระหรือแม้แต่พระโพธิสัตว์กวนอิมก็วางไว้สูงกว่าพระ
อย่างดีก็เสมอกับพระ
เห็นว่าไม่ค่อยจะเหมาะจะควรนัก แต่ก็ไม่ว่าอะไรเขา ถือว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราสักหน่อย เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา
แต่ที่มาเล่าให้ฟังอย่างนี้เพื่อจะแสดงข้อคิดเห็นให้ทราบ ไม่ได้ต่อต้านนางกวักแต่อย่างใด คงเพียงหวังจะบอกให้ปฏิบัติกับพระและนางกวักให้ถูกกาลเทศะเท่านั้น
นางกวักไม่ใช่พระ จะเสมอพระไม่ได้ เป็นผู้หญิงอีกต่างหาก
มีปัญหาเรื่องนางกวักอยู่อีกประการหนึ่ง หลายคนไม่ทราบว่านางกวักนี่เป็นใครมาจากไหน ทำไมจึงต้องมาเป็นนางกวักให้คนบูชาเอาลาภอย่างทุกวันนี้
พ่อของลูกสาวรายหนึ่ง ใบ้ให้ก็ได้ว่าเป็นผู้ออกทุนสร้างพระกริ่งสิทธัตโถ เป็นผู้นับถือพระ เป็นผู้เคารพเจ้าคุณนรฯ หลวงปู่สิม หลวงปู่โต๊ะ มาตั้งแต่นานเน พ่อคนนี้มีลูกสาวที่อาจบอกได้ว่าเดินสวนทางกับพ่อ เรียกว่าเไม่มีอะไรเหมือนพ่อถึงกับพ่อออกปากว่า
“ลูกเอ๊ย นางกวก นางกวักน่ะ ลื้อเลิกซะเถอะ”
และทั้งพ่อทั้งลูกนี้ต่างก็ไม่มีทางรู้ว่านางกวักคืออะไร
นางกวักมีเรื่องปรากฏอยู่ในมหากาพย์รามเกียรติ์ เริ่มปรากฏตอนที่พระรามออกติดตามค้นหานางสีดา ตามไปเรื่อยเปื่อยจนไปพบท้าวอุณาราชพญายักษ์ ผู้เป็นเจ้านครสิงขร เกิดสู้กัน พระรามแผลงศรโดยอิทธิฤทธิ์คือเอาต้นกกมาแผลงเป็นศร ไปต้องยอดอกท้าวอุณาราช เพราะเหตุนี้คนจึงเรียกท้าวอุณาราช อีกชื่อว่า “ท้าวกกขนาก”
คุ้น ๆ หูแล้วใช่ไหมครับ
ท้าวกกขนากถูกศรพระรามสาปตรึงอยู่ในถ้ำเขาวงพระจันทร์ อยู่ทางเหนือเมืองลพบุรี ใครไปแถวลพบุรี อย่าไปมุดถ้ำซี้ซั้วเชียวนา เพราะว่าท้าวกกขนากอาจอยู่ในนั้น ท้าวกกขนากทนทุกข์ทรมานอยู่ในถ้ำไหนสักแห่งด้วยล่ะ…นู่น.. ถึงศาสนาพระศรีอาริย์ถึงจะพ้นสาป
ทีนี้ท้าวกกขนากก็มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อว่านางประจันทร์ และก็ได้นางประจันทร์นี่แหละครับมาอยู่เฝ้าปรนนิบัติ พอคลายทุกข์คลายเหงาไปได้บ้าง
นางประจันทร์มาอยู่เฝ้าพ่อไม่เฝ้าเปล่า ได้ลงมือทอจีวรเตรียมถวายพระศรีอาริย์เป็นการฆ่าเวลาไปด้วย ไม่ใช่จีวรธรรมดานะครับ ทอด้วยใยบัวทีเดียวเชียว กะว่าจะได้ถวายพระศรีอาริย์พอเป็นกุศลอุทิศให้พ่อ
แต่ว่าชาวเมืองทั้งหลายกลับไม่อนุโมทนาด้วย กลัวไปว่านางประจันทร์จะทำให้ยักษ์ร้ายฟื้นขึ้นมาทำร้ายชาวเมืองอีก ,ถูกสาปหมดพยศอย่างนั้นดีแล้วนี่นา เรื่องอะไรจะให้ฟื้นขึ้นมาเล่า ก็เลยปรับผิดไปที่นางประจันทร์ว่าจะเพราะนางประจันทร์นี่แหละที่จะเป็นผู้ทำให้ยักษ์ร้ายพ้นสาปก่อนกำหนด
เลยขับไล่นางประจันทร์ทุกวิธี เพื่อให้อยู่เฝ้าพ่อไม่ได้
ความข้อนี้ทราบไปถึงปู่เจ้าเขาเขียว ผู้เป็นมิตรรักของท้าวกกขนาก เห็นว่าคนเรานี้มันชอบจะรังแกเพื่อนเราและลูกสาวเพื่อนเกินไปหน่อย จึงส่งลูกสาวของปู่เองมานางหนึ่งให้มาอยู่ช่วยเหลือ และเป็นเพื่อนนางประจันทร์
ลูกสาวปู่เจ้าคนนี้สวยสดงดงามเป็นที่สุด ถึงกับกล่าวว่าเป็นที่เสน่หาแก่เหล่ามนุษย์ และ เทวดา รวมทั้งส่ำสัตว์ทั้งหลายในแผ่นดิน
ตั้งแต่ลูกสาวของเจ้าปู่เขาเขียวมาอยู่ถ้ำเขาวงพระจันทร์แล้ว เหตุร้าย ๆ ก็กลายเป็นดีหมด คนที่เคยเกลียดก็หายเกลียด คนที่เคยขับไล่ไสส่งก็หันมารักใคร่ถึงกับหาของกำนัลมาฝาก และ ไปมาหาสู่ มิได้ขาด ว่ากันว่าถึงแม้หนทางไปมาจะยากลำบากแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อ เทียวไล้เทียวขื่อเป็นว่าเล่น
ถึงกับเขาวงพระจันทร์ปลอดเปลี่ยวได้กลายเป็นที่คนพลุกพล่านทำบุญจนเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจนทุกวันนี้
นางประจันทร์เห็นเช่นนี้ก็เลยเรียกลูกสาวเจ้าปู่เขาเขียวอย่างเลื่อมใสว่า “นางกวัก”
เห็นจะเป็นเพราะกวักคนมาหามืดฟ้ามัวดินนั่นเอง
ก็นี่แหละที่คณาจารย์และคนทั้งหลายหมายเอานางกวักมาเป็นนิมิตในเรื่องนำโชคนำลาภมาสู่ผู้เคารพสักการะ
ถ้าจะว่าไปแล้วผู้ที่มีนิมิตหมายในทางโชคลาภ นอกจากนางกวักแล้วก็ยังมีพระสิวลี ซึ่งทุกคนทราบว่าพระสิวลีเป็นพระอรหันต์สาวกที่มีลาภสักการะเหนือกว่าพุทธสาวกทั้งปวง ก็เอารูปพระสิวลีมาเคารพกราบไหว้เพื่อความหมายอย่างเดียวกันกับนางกวัก คือเพื่อโชคลาภของตนเอง ถ้าตนทำมาค้าขายก็ว่าช่วยให้ซื้อง่ายขายคล่องแถมเสน่ห์มหานิยมให้อีกด้วย
นางกวักมีตัวมีตนอยู่ในจินตนาการของผู้แต่งเรื่องรามเกียรติ์ แต่พระสิวลีมีตัวตนจริงในโลกใบนี้
มีคาถาบูชานางกวักด้วยนะครับ
ลองไปท่องกันดู หรือจะลองทำน้ำมนต์รดสินค้าก็เอา
“โอมศรีวิชัยกังเวียน ปู่เจ้าเขาเขียวมีลูกคนเดียวชื่อนางกวัก ชายเห็นชายรัก หญิงเห็นหญิงทักทุกถ้วนหน้า พวกพานิชชาพากูไปค้าถึงเมืองแมน กูจะไปค้าหัวแหวนก็ได้วันละแสนทะนาน กูจะค้าสารพัดก็ได้โดยคล่อง กูจะค้าทองก็ได้เต็มหาบเพียงวันนี้ เป็นร้อยสามหาบมาเรือน สามเดือนเป็นเศรษฐี สามปีเป็นพ่อค้าสำเภา พระฤาษีผู้เป็นเจ้าประสิทธิ์ให้แก่ลูกคนเดียว สวาหะ”
จะว่าไปแล้วนางกวักเป็นของที่มีผู้ศรัทธาเชื่อถือและนิยมยกย่องกันมาก จะพบเห็นในร้านค้าโดยมาก และจะพบเห็นตามหิ้งพระประจำบ้านก็มาก
เรื่องโชคลาภจากของขลัง หรือของมงคลบันดาลให้นี้เป็นความลี้ลับยากจะอธิบายได้ แต่ผมเชื่อว่าไม่อาจบันดาลให้ทุกคนเสมอกันทั้งหมด คงได้บ้างไม่ได้บ้างตามแต่บุญวาสนาเก่า ใครเคยทำบุญทานไว้มากก็ได้มาก ใครไม่เคยทำก็ไม่ได้
เช่นว่ามีคำกล่าวอุโฆษแห่งชื่อเสียงของรูปหลวงพ่อองค์หนึ่ง ว่าแม้เพียงน่ารูปของท่านเข้าบูชาในบ้านก็ขายดิบขายดีเป็นเศรษฐี แต่ทำไมผมเอาเข้ามาบูชาบ้างไม่เห็นจะเป็นเศรษฐีตรงไหน ยังเหมือนเก่าทุกอย่าง
ดังนั้นเรื่องโชคลาภนั้นไม่อาจหวังได้ถ้วนทุกคน แต่ในเรื่องพุทธคุณคุ้มครองความปลอดภัย ผมเชื่อว่าครูบาอาจารย์แผ่ให้ได้เสมอกัน เมตตาบารมีช่วยคนให้พ้นอันตราย หรือผ่อนปรนอันตรายให้เบาบางลงไปครูบาอาจารย์ทำได้จริง แต่เรื่องโชคลาภผมไม่เชื่อว่าท่านจะช่วยได้ทุกคนจริง
ลูกศิษย์ร้อยคน รวยปุบปับได้คนเดียว อีก 99 คน ก็ยังคงตั้งความหวังจะรวยอยู่อย่างนั้นเหมือนเก่า
หวังอยู่อย่างนั้นแหละครับ…..
————–
(มีการแก้ไขปรับปรุงสำนวนการเขียนใหม่..ผู้เขียน)