พระอาจารย์วัน อุตตโม
สายกัมมัฏฐาน
ศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
พระอาจารย์วัน อุตตโม
วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
อาจเป็นเพราะผมได้สัมผัสและสัมพันธ์กับพระภิกษุฝ่ายกัมมัฏฐานมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นผลให้ได้เก็บสะสมวัตถุบรรจุพุทธคุณของครูบาอาจารย์ฝ่ายนี้หรือสายนี้มากกว่า
พบเห็นที่ไหนมีอันคว้ามาใส่หิ้งเอาไว้กราบไหว้บูชา
บนหิ้งจึงมีแต่พระเครื่องสายกัมมัฏฐานเกิน 50 เปอร์เซ็นต์
ครูบาอาจารย์หลายองค์ที่มรณภาพไปแล้วและทื้งมรดกพุทธคุณในวัตถุมงคลให้คงอยู่ในโลก โดยที่โลกฝ่ายพานิชย์ไม่เห็นความสำคัญ ไม่ให้ความสนใจ ก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมสามารถได้มรดกพุทธคุณของพวกท่านมาได้ง่าย ๆ ไม่สิ้นเปลือง
พระเครื่องของพวกท่านโดยมากไม่มีราคาแพงกี่ปี ๆ ก็ไม่แพง คงความเป็นพระเครื่องราคาถูกมาตลอดทุกยุคสมัย
อะไรไม่ว่า, ของราคาถูกจังเลยอย่างนี้ ผู้บรรจุพุทธคุณไว้ในของเหล่านั้นกระดูกเป็นพระธาตุทั้งสิ้น
“ที่ผมแขวนอยู่ในคอทั้งหมดนี้ กระดูกเป็นพระธาตุทั้งนั้น ผมไปดูมาแล้ว” เฮียแว่นเซียนพระเครื่องจังหวัดอุดรธานีบอก
องค์ที่แพงสุดขีดในพวงสร้อยคอนั้นมีราคาแค่ 80 บาท
แต่เขามีพระเครื่องราคาหลายพันหลายหมื่นวางโชว์ในตู้เพื่อขาย
คุณอะไรไม่ทราบ ผมลืมชื่อไปแล้ว จำได้แต่ว่าเป็นผู้ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลอำเภอเมืองจังหวัดสกลนคร เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ฝั้นและพระอาจารย์วัน เขาเป็นนักเลงพระเครื่อง สะสมพระเครื่องของหลวงปู่ฝั้นไว้มาก และได้เงินจากพระเครื่องของหลวงปู่ฝั้นโข แต่พอถึงพระอาจารย์วันเขาหมดตัว เพราะว่าพระอาจารย์วันมรณภาพด้วยเครื่องบินตก
คนเลยเสื่อมศรัทธา ลำพังตัวพระอาจารย์วันเองยังไม่รอด พระเครื่องของท่านจะช่วยคนอื่นให้รอดได้อย่างไร
ออกจะเป็นอวิชชาจริง ๆ ถ้าหากคิดอย่างนี้
กระดูกพระอาจารย์วัน ก็เป็นพระธาตุไปเหมือนกัน
พระอาจารย์จวน ที่เครื่องบินตกถึงมรณภาพพร้อมพระอาจารย์วันก็เป็น
พระเครื่องของสองท่านนี้ไม่มีราคา
ผมก็เก็บเพลินไป
หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต วัดภูจ้อก้อ มุกดาหาร เคยบอกผมว่า พระโมคคัลลาน์ที่ถูกกลุ่มโจรรุมฆ่านั้นแท้จริงแล้วโจรฟันตีไม่ถูกท่าน ที่ถูกนั้นคือถูกธาตุขันธ์ของท่านเท่านั้น
เครื่องบินตก พระตายไปหลายองค์นั้นพออาศัยคำบอกหลวงปู่หล้าเป็นคำอธิบายได้ไหม
เรื่องเครื่องบินตกพระตายนั้น ได้ยินคำเล่าหลายปาก เล่าไปต่าง ๆ นานาไม่ตรงกันนัก แต่ทุกปากเล่าได้ใจความเดียวกันคือ พระทุกองค์ก่อนขึ้นเครื่องบินก็รู้ล่วงหน้าทั้งนั้น
จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบ
ผมได้ยินเรื่องรู้ตัวว่าจะต้องตายของพระเหล่านี้จากปากคุณพี่เพชร สถาบันหรือคุณพี่โพธิ ภูมะโรง หรือคุณพี่สิทธา เชตวัน ก็สุดแต่ใครจะรู้จักท่านในนามใด และเชื่อว่าคุณพี่เพชรคงไม่ว่าอะไรที่ผมเปิดชื่อจนกระจ่างแจ้งอย่างนี้
ก็ผมเห็นคุณพี่โพธิ ภูมะโรงวงเล็บไว้ในงานเขียนเองว่า (สิทธา เชตวัน) ผมก็ถือโอกาสวงเล็บให้อีกเพื่อให้เรื่องนี้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น
สมัยนั้นผมยังเอ๊าะๆ ทำหนังสืออยู่ที่ค่ายจักรวาลรายสัปดาห์ ประมาณปี 2516 คุณพี่เพชรก็เขียนนิยายลงในนิตยสารฉบับนั้นด้วย เลยได้มีโอกาสพบคุณพี่บ่อย ๆ เวลามาส่งต้นฉบับ หรือเวลาผมไปทวงต้นฉบับที่บ้านของคุณพี่เพชร ผมก็เห็นแล้วว่าคุณพี่เพชรเป็นผู้สนใจในทางประพฤติปฏิบัติ ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้จักประพฤติแม้แต่น้อย
วันหนึ่งคุณพี่เพชรก็เล่าให้ผมฟังว่า ได้เดินทางไปกราบพระอาจารย์วัน หรือพระอาจารย์จวน องค์ใดองค์หนึ่งนี่แหละ ผมก็เลือน ๆ ไปแต่ว่าเดินทางไปถึงแค่สระบุรีเปลี่ยนแผน เพราะได้สวนทางกับลูกศิษย์ของพระอาจารย์วันหรือพระอาจารย์จวน ซึ่งกำลังเดินทางเข้ากรุงเทพฯลูกศิษย์ท่านนั้นก็บอกว่าไม่ต้องไปหรอก ถึงไปก็ไม่พบ เนื่องจากพระอาจารย์วันหรือพระอาจารย์จวนกำลังจะออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯโดยเครื่องบิ
น คำนวณเวลาแล้วว่าถ้าคุณพี่เพชรไปถึงวัด ท่านอาจารย์ก็ออกจากวัดก่อนแล้ว
คุณพี่เพชรก็เลยเปลี่ยนแผนเดินทางไปอุบลราชธานีเพื่อไปกราบหลวงพ่อชาแทน
ถึงวัดหนองป่าพงได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อชาในเวลาประมาณ 5 โมงเช้าตอนหนึ่งหลวงพ่อบอกว่า
”เขามานิมนต์ไปกรุงเทพฯเหมือนกัน บังเอิญไม่สบายจึงไม่รับนิมนต์ ถ้ารับก็มีหวังไปแล้วไม่กลับมาพบหน้าญาติโยมอีก”
ปรากฎว่าตกบ่ายวันนั้น ข่าวเครื่องบินตกพระตายก็แพร่ไปทั่วประเทศ
คุณพี่เพชรเล่าอีกว่าพระอาจารย์วันท่านรู้ตัวก่อนขึ้นเครื่องบิน ท่านได้ไล่ให้โยมวัดท่านหนึ่งกลับ ไม่ยอมให้เดินทางขึ้นเครื่องบินไปด้วยกัน
พระอาจารย์จวนก็บอกกับญาติโยมทางวัด หลังจากที่ช่วยแม่ชีท่านหนึ่งซึ่งตกเขาปางตายให้ฟื้นขึ้นมาด้วยการเพ่งจิต ท่านบอกว่าถ้าแม่ชีคนนี้รอด ตัวท่านก็ไม่รอด แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะมัวแต่เป็นห่วงแม่ชีที่ประสบอุบัติเหตุ
เรื่องนี้คุณพี่เพชรเล่าให้ฟังตั้งเกือบ 20 ปีมาแล้วนะครับ ผมยังจำได้และเอาไปเล่าต่อเสียหลายทอดเหมือนกัน
ถ้าหากว่าเรื่องจริงๆ เป็นอย่างนี้แล้ว ยังจะมีใครสงสัยพระอาจารย์ทั้งหลาย ที่มรณภาพเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนั้นอีกหรือเปล่า
แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำเอาคุณอะไรไม่ทราบที่จังหวัดสกลนครหมดเนื้อหมดตัว
ถ้าเป็นหุ้นก็หุ้นตก ว่างั้นเถอะ
และผมก็อยากจะชวนทุกท่านให้ช้อนหุ้นที่ตกนี้ขึ้นมาเสียเถิด ไม่ช้อนตอนตกจะช้อนตอนไหน อีกหน่อยใครๆหายเพี้ยน คิดออกขึ้นมา จะพาลแพงวูบวาบจนคว้าไม่ไหวไม่รู้ด้วย
ความจริงชีวประวัติของพระอาจารย์วัน อุตตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หรือบางคนก็เรียกว่าถ้ำส่องดาวนี้ได้มีหนังสือหลายฉบับลงตีพิมพ์หลายโอกาสแล้ว ผมจะเว้นไว้ไม่กล่าวถึงอีก ใครไม่เคยรู้จักท่านก็พอจะค้นหามาอ่านได้ไม่ยาก
มีประวัติที่ท่านพระอาจารย์วันได้ลงมือเขียนขึ้นเองเหมือนกัน เป็นประวัติย่อๆพอได้ความชัดเจนบ้าง แต่ว่าประวัติที่ท่านเขียนเองนั้นไม่ใคร่มีใครนำมาลงตีพิมพ์ โดยมากจะคว้าออกมาบวกกับที่ค้นเองเขียนเองจนกลายเป็นประวัติฉบับมหากาพย์น้ำท่วมทุ่ง คนอ่านต้องไปแยกเนื้อแยกน้ำกันเอาเอง สุดแต่ปัญญาของแต่ละท่าน
ถ้าใครเคยได้อ่าน จะเห็นว่าชีวประวัติที่ท่านอาจารย์ทุกองค์ได้ลงมือเขียนเองนั้น ล้วนแต่ราบเรียบสะอาดหมดจดไม่โลดโผนพิสดาร ซึ่งถ้าว่าไปตามกิเลสแล้วก็ไม่สนุกตื่นเต้น
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าโดยมากท่านจะเว้นในรายละเอียดแต่มุ่งเป้าหมายหลักไว้ก่อน รายละเอียดหรือที่เรามักเรียกว่าเกร็ด จะออกจากปากเล่าสู่กันฟังเป็นส่วนใหญ่ อารมณ์ดี ๆท่านก็เล่าให้ฟังในศาลา ในร่มไม้ หรือไม่ก็ในคำเทศน์สอนคน
เรื่องมันก็เลยไม่สนุกอย่างนี้
แต่นั่นเป็นความจริง ไม่ใช่นิยาย
ความจริงมักอ่านไม่สนุกเสมอ
ประวัติของพระอาจารย์วันถ้าอ่านแล้ว ก็จะรู้สึกว่าท่านดำรงชีวิตในสมณเพศอย่างปกติธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรสนุกเร้าใจเกินคนอื่น ๆ
ทว่ากระดูกท่านเป็นพระธาตุไปอย่างไม่ปกติธรรมดา ทำให้รู้จักในภายหลังที่ท่านมรณภาพแล้วว่าท่านไม่ใช่พระธรรมดา
มรดกที่ท่านพระอาจารย์วันทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง นอกจากประวัติชีวิต, ธรรมะ และพระธาตุแล้วยังมีวัตถุเก็บพุทธคุณหรือพระเครื่องอีกจำนวนไม่น้อย เฉพาะพระเครื่องของท่านได้มีผู้สร้างขึ้นถวายท่านหลายรุ่น มีผู้พยายามเก็บบันทึกอย่างที่ความสามารถของเขาจะทำได้ก็เพียงบันทึกไว้แค่ 69 รุ่น ซึ่งที่จริงแล้วมีมากกว่านั้น ตกบันทึกไปเยอะแยะ ข้ามรุ่นก็แยะ แต่ผมก็ไม่อยู่ในฐานะจะรื้อทำเนียบรุ่นได้ใหม่ คงต้องอนุโลมตามท่านที่ได้ทำบันทึกทำเนียบรุ่นไว้ก่อนแล้ว ที่ตกสำรวจก็ให้ถือว่าเป็นพระตกสำรวจแล้วกัน
พระเครื่องรุ่นแรกของพระอาจารย์วัน เริ่มมีออกมาในปี 2514 และออกเรื่อยมาจนถึงปีสุดท้ายที่ท่านมรณภาพคือปี 2523
วันที่ 27 เดือนเมษายนเครื่องบินโดยสารก็ตกที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ประมาณ 20 กิโลเมตรก่อนถึงสนามบินดอนเมือง พระที่มรณภาพพร้อมกันในคราวนั้นมีทั้งหมด 4 รูปคือ
1. พระอาจารย์วัน อุตตโม
2. พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ
3. พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมุมวโร
4. พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม
ทุกรูปที่นำมาลงให้ดูนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นพระเครื่องรุ่นเด่นดังแต่อย่างไร เพียงลงเท่าที่จะหยิบคว้ามาลงในขณะนี้เท่านั้น ทุกเหรียญที่ลงรูปนี้เป็นของราคาไม่แพงเลยครับ บางเหรียญสี่ห้าสิบบาทก็ขายกัน
และก็อีกแหละครับบอกที่สำหรับบูชาให้ไม่ได้ ต้องด้อมๆ มองๆ หากันเอาเอง
มีข่าวค่อนข้างดีจากพรรคพวกรายงานว่า เหรียญของพระอาจารย์วันที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์สร้างขึ้นในปี 2519 เป็นรุ่นที่ 14 นั้นยังมีเหลืออยู่ แต่ว่าไม่จำหน่าย ได้ยินว่าเก็บเอาไว้เป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ทำบุญเข้ากองการกุศลอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่แน่ใจนัก เอาไว้ผมสอบถามได้ความชัดเจนอย่างไรแล้วจะรายงานผู้อ่านให้ทราบทันที (พระเครื่องรุ่นนี้สวยจับจิตใจผมจริง ๆ)
ตอนนี้ก็ดูรูปพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ ของพระอาจารย์วันไปก่อน
…………………………………….
ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารศักดิ์สิทธิ์ฉบับที่ 213 16พฤศจิกายน 2534