อาจารย์ปู่ คำผุก อุนาภาค_08

ครั้งหนึ่งลูกหลานชาวบ้านท่าสว่าง บ้านเดียวกันกับจารย์ปู่คำผุก กลับมาเยี่ยมบ้าน
เขาไปหากินถิ่นอื่น ด้วยอาชีพหมอลำกลอน


เมื่อกลับมาถิ่นเกิดก็ไม่ลืมแวะมาคาราวะจารย์ปู่

“เจ้าเป็นหมอลำกลอนรึ”
“ครับจารย์”
“เออ..บ่ได้ฟังลำกลอนนานแล้ว เจ้าลำให้ข้อยฟังทีรึ”
“โอ๊ยย..ผมลำไปงั้นๆเอง บ่ได้เรื่องดอก”
“เอาน่ะ ลำเถอะ อยากฟังจริง”
“บ่..บ่ลำ ข้อยลำบ่เก่งปานนั้น บ่กล้าลำอวดอาจารย์ดอก”
“เจ้าสิลำหรือบ่ลำ”
“บ่ลำ”
“เจ้าบ่นับถือข้อยแล้ว”
“โธ่..จารย์ ”
“จะลำมั๊ย”
“เอ้า..ลำก็ลำ”

พอหมอลำกลอนขี้เขิน ขี้อายตัดใจเอามือป้องหูโอ่..
เสียงเจื้อยๆแจ้วๆก็ล่องลอยไปไกล
คนแถวนั้นได้ยินก็อดใจไม่ไหว ลุกขึ้นเดินออกจากที่ของตนมาฟังลำกันเป็นจำนวนมาก
ในที่สุดก็มากันหมดทั้งหมู่บ้าน

หมอลำก็ลำไม่หยุด
ลำเป็นขั่วโมงๆ ตั้งแต่เช้ายันสาย
พอเที่ยงล่วงเข้าหาบ่าย
ชาวบ้านหมู่บ้านข้างเคียงพากันแห่มาฟังลำกัน2-3หมู่บ้านอย่างน่าอัศจรรย์

ตัวหมอลำเองแสนเหนื่อย แต่หยุดไม่ได้ หาที่ลงไม่พบ
หันมามองจารย์ปู่คำผุกด้วยสายตาวิงวอนขอความกรุณา
คงเริ่มคิดออก ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตน

ทำได้แค่ลำไปยกมือไหว้จารย์ปู่ประหลกๆ

จารย์ปู่ก็ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
จนเมื่อจารย์ปู่คำผุกเห็นว่าพอควรแล้วจึงร้องว่า

“อยากลงก็ลงสิล่ะ”

สิ้นเสียงจารย์ปู่เท่านั้น
หมอลำกลอนก็พบหนทางลง
หยุดลำได้สนิท

คลานเข้ามากราบจารย์ปู่ตัวสั่น

เกิดมาก็ไม่เคยลำให้คนฟังจำนวนมากขนาดนี้
ไม่มีใครเขาติดอกติดใจฝีปากลำอะไรของตนปานนั้น
ไม่เหมือนหมอลำเก่งๆที่เขามีชื่อเสียงโด่งดัง
ตนเองก็แค่หมอลำระดับหางแถว
ไฉนเล่า
ลำคราวนี้จึงได้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดปานนั้น

เสียดายไม่ทราบชื่อหมอลำกลอนท่านนี้
ด้วยว่ายังมีเรื่องที่จะเล่าถึงหมอลำกลอนต่ออีกหน่อย

เรื่องนี้คงจะเกิดขึ้นในอีกหลายปีต่อมา

หมอลำอายุมากขึ้น มีเมียมีชู้หลายคน จนใครต่อใครงึดงงงัน
รูปก็ไม่หล่อ ลำก็ไม่ได้ดีเด่สักเท่าไหร่ พออาศัยหากินไปวันๆ
ไงถึงกลายเป็นคัสซาโนว่าแห่งบ้านท่าสว่างไปได้

วันหนึ่งความลับเผย
เจ้าตัวเผลอเผยออกมาเอง

“กูบ่อยากคุย” เข้าใจว่าบางทีขณะนั้นหมอลำเจ้าอาจโดนเหล้าขาวเค้นเอา “กูบ่อยากคุยดอก..กูมีนวดสีปากโว้ย”(สีผึ้ง)
“หา..นวดมหาเสน่ห์มหานิยมเรอะ”
“พวกมึงบ่เชื่อก็อย่าลบหลู่”
“ขอดูหน่อย”
“เอ้า..นี่ดูซะ..อ๊ะๆ ดูเฉย ไม่ต้องจับ”

ว่าแล้วก็เก็บตลับยาหม่องบรรจุ่นวดเข้ากระเป๋าเหมือนเดิม
พวกพ้องเห็นแล้วเกิดกิเลส อยากเจ้าเสน่ห์มั่ง ออกปากขอ อ้อนวอนจนแทบจะกราบตีนขอ ก็ไม่ให้

“กูมีนิดเดียว แบ่งได้ไง”

นวดตลับนี้หมอลำได้มาจากที่ไหน ได้มาเมื่อไหร่ เป็นของอาจารย์ใดไม่ทราบ

วันหนึ่งแวะมาคาราวะจารย์ปู่ หลังจากออกไปหากินไกลถิ่นนานเดือนนานปี

“เจ้ามีของดีรึ? ขอดูหน่อย”
“ของดีอิหยัง..บ่มีดอก”
“นวดไง เอามาดูหน่อย”

หมอลำสดุ้งโหยง ขัดใจจารย์ปู่ไม่ได้
เรื่องมันก็เคยเห็นฤทธิเห็นเดชกันมาจนถึงกับทั้งเกรงทั้งกลัวทั้งนับถือ

จารย์ปู่รับตลับนวดมากำไว้ในมือ
“โฮ้..ของดีนะนี่ ของแฮงหลาย ”
ว่าแล้วก็ขว้างทิ้งลงไปในบวกควาย(หนองเล็กๆ ควายชอบลงไปแช่เล่น)
“ฮ่วยๆจารย์!.. โอ้ยย..ทิ้งไปแล้ว”
“ของนี่จะว่าไปก็ไม่ใช่ของดี เป็นของสำหรับสร้างบาปสร้างกรรม ทำให้เจ้าของก่อเวรก่อกรรมไม่สุดไม่เสร็จ”

ขว้างทิ้งแล้วก็วางท่าเฉย ออกปากไล่หมอลำกลับบ้าน

ฝ่ายหมอลำสุดแสนเสียดาย
คิดกลับไปกลับมาหลายตระหลบก็ตัดใจทิ้งนวดของตนไม่ได้
จึงลอบกลับมาที่บวกควาย จะมางมเอาตลับนวดกลับคืน

พอลงบวกควายจะมุดตัวลงใต้น้ำ รู้สึกเหมือนมีลำตัวงูขนาดใหญ่เลื้อยเข้ามาดันเอาไว้ไม่ให้จมลง

หมอลำตกใจเผ่นขึ้นจากบวกควาย ยืนตัวสั่น ไม่กล้าลงไปอีก

แต่ก็ยัง..ยังไม่ยอมแพ้

ไปหาพวกขี้เหล้า2-3คน จ้างพวกนั้นงมให้

ขี้เหล้าทั้งกลุ่มก็เผ่นหนีขึ้นจากบวกควายยังกะรังแตนแตก
ร้องเอะอะว่ามีงูใหญ่ มีงูใหญ่

ไม่มีใครกล้าลงไปอีก

หมอลำก็หมดท่า ทอดอาลัย
ในที่สุดก็ตัดใจทิ้งตลับนวดไว้ในบวกควายตลอดกาล

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน