อาจารย์ปู่ คำผุก อุนาภาค_09
ย้อนกลับมาเล่าเรื่องคุณบรรณศาสตร์ โสมอินทร์อีกหน่อย
ไหนๆก็เล่าเรื่องนวด(สีผึ้ง)แล้ว ไม่เล่าเรื่องนวดจารย์ปู่คำผุกก็ใช่ที่
เดิมคุณบรรณศาสตร์แขวนเหรียญกษาปณ์ ร.๕ ของจารย์ปู่คำผุก
ไปโดนยิงประมาณว่าในผับสักแห่ง
แต่ไม่ออก
เห็นว่ายิงจนหมดโม่ ปานนั้น
หลังจากเหรียญนั้นหายไป คุณบรรณศาสตร์ก็ไปเอานวดจารย์ปู่คำผุกมาบรรจุใส่หลอดตะกรุดทองคำแขวนแทน
นวดจารยฺปู่คำผุกนี้ เข้าใจว่าคงไม่ได้เน้นเรื่องสร้างบาปสร้างกรรม
เพราะว่าคุณบรรณศาสตร์ไปโดนเขายิงเอาอีกรอบหนึ่ง
จะเป็นมือปืนคนเดิมหรือเปล่าไม่แน่ใจ
ผลคือไม่ออกเหมือนกัน
นวดจารย์ปู่คำผุกนี้คุณบรรณศาสตร์บอกว่า คุณพ่อของเขาเรียกว่า”นวดเหล็กไหล”
หมดเรื่องเล่าของจารย์ปู่คำผุกเท่าที่สดับมา
รู้แค่นี้
เรื่องราวของท่านย่อมมีมากมายกว่านี้แน่
แต่ผมไม่ทราบ
เล่าตามปากผู้เล่าอีกที
จริงไม่จริงอยู่ที่ปากผู้เล่า
จารย์ปู่คำผุกเป็นตัวอย่างของฆราวาสที่สามารถบรรลุธรรมและแสดงฤทธิ์ได้ในระดับที่น่า
สนใจเลื่อมใส
เป็นการยืนยันคำพูดของหลวงปู่ทองสา วัดป่าจิตตวิทยารามที่เคยบอกผมว่า
เป็นฆราวาสก็บวชได้ บรรลุธรรมได้
ฆราวาสรักษาศีล ๕ ก็เท่ากับบวช
ทั้งยังมีเมียได้ กินมื้อเย็นได้ ทำมาหาเลี้ยงชีพได้
น่าเสียดายที่ขณะจารย์ปู่คำผุกยังมีชีวิตอยู่ ผมเด็กเกินไป ยังไม่ประสา
ตอนที่ท่านเสียชีวิต ผมก็เพิ่งจะเข้าสู่ภาวะวัยรุ่น ยังไม่ใยดีเรื่องทำนองนี้
ชาวบ้านท่าสว่างที่ทันชีวตจารย์ปู่คำผุกที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะมีอายุมากกว่า๖๐ปี
เฉพาะผู้ที่มีความซาบซึ้งตรึงใจใกล้ชิดก็ควรจะมีอายุเกิน๘๐ปี
เป็นที่น่าเสียดายว่า ของมงคลขลังที่จารย์ปู่ทำไว้นั้น ส่วนใหญ่ทำให้เฉพาะคน เป็นรายๆไป ไม่ได้ทำออกมาแพร่หลายถึงคนอื่นที่เป็นคนทางไกล
เมื่อครั้งที่จารย์ปู่คำผุกบอกให้คุณพ่อประสพ โสมอินทร์ไปหาเหรียญ ร. ๕ มา คุณพ่อประสพก็หาได้เพียงเหรียญเดียว
หลังจากท่านลงเหล็กจารและปลุกเสกแล้ว ท่านบอกว่า
“เสียดายนะประสพ.. เอามาแค่เหรียญเดียว จะเอามามากกกว่าเหรียญเดียวก็ใช้เวลาทำเท่ากับทำแค่เหรียญเดียว”
ปัจจุบันเหรียญนั้นหายไปแล้ว หลังจากตกทอดมาถึงคุณบรรณศาสตร์ผู้เป็นลูกชาย
คงเหลือเพียงนวดเหล็กไหลที่ครอบครัวโสมอินทร์ยังเก็บรักษาไว้
ครั้งหนึ่งราวๆปี ๒๕๓๖ ผมติดตามครอบครัวนี้ไปไหว้อัฐิจารย์ปู่คำผุก ได้แวะที่บ้านหลังหนึ่ง จำไม่ได้ว่าบ้านนี้เกี่ยวข้องหรือมีความสัมพันธ์ใดกับจารย์ปู่คำผุก
ได้เห็นหวายเสกเก่าๆอยู่ด้ามหนึ่ง พันถักด้วยเชือกสวยงาม เชือกบางส่วนเปื่อยขาดไปแล้ว แต่ยังดูดีน่าศรัทธา
หวายนี้เป็นของจารย์ปู่คำผุกทำและทิ้งไว้ให้
เจ้าของหวายเคยใช้ไปไล่ผีที่เข้าสิงชาวบ้านหลายครั้ง
แค่ถือหวายเดนเข้าไป ผีก็ร้องเสียงหลง ออกจากร่างคนที่มันเข้าสิงทันที
หวายนี้จะมีอานุภาพนอกเหนือจากไล่ผีอย่างไรบ้างก็ไม่ทราบ
ปัจจุบันนี้จะให้กลับหาบ้านที่มีหวายก็จำไม่ได้แล้ว
ในพื้นที่บ้านท่าสว่าง เชื่อว่าเรื่องราวของจารย์ปู่คำผุกยังคงมีผู้สืบทอดเล่าขาน
รวมทั้งยังมีผู้เก็บรักษามรดกขลังบางชิ้นบางอันของท่านไว้
ท่านผู้หนึ่งชื่อว่า
นายประสพชัย กิตติวรรณวงศ์
เล่าว่า
“อาจารย์คำผุก มีวิชาอาคมมาก ท่านเป็นคน ต.โพนทอง ในสมัยนั้้น(2500-2510)
ที่ ต.หนองไฮใหญ่ และ ต.โพนทอง อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ มีพวกคอมมิวนิสต์ มากที่สุดในประเทศ
จนทางการประกาศให้พื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ สีแดง
ลูกศิษย์ของท่านนายหนึ่ง เอาตระกรุดแขวนคอแล้ว ขึ้นเต้นรำวงในสมัยนั้น
เผอิญกลุ่มพวกคอมมิวนิสต์ จำนวน 7 คน พร้อมอาวุธปืนอาก้าครบมือ
ได้กราดยิงเข้าใส่เวทีรำวง อย่างเมามัน จนกระสุนหมดแม็กทุกคน
ชาวบ้านแตกตื่นโกลาหลวิ่งหนีตาย
วัยรุ่นที่ขึ้นเต้นบนเวที บาดเจ็บสาหัสหลายราย เสียชีวิต 3-4 ราย
แต่หนุ่มน้อยที่แขวนตระกรุด อาจารย์คำผุก กลับไม่เป็นอะไร
ได้แต่ยืนดูกลุ่มชาวบ้านที่พากันวิ่งหนีไป
มีครั้งหนึ่งหนุ่มน้อยลูกศิษย์อาจารย์ผุกคนนี้ โดยคู่อริ 3 คน ในหมู่บ้าน ดักทำร้ายลองของดี ทั้ง 3 คน
ใช้มีดปลายแหลมจ้วงแทง หนุ่มน้อยลูกศิษย์อาจารย์ผุก ไม่ได้รับบาดแผลแม้แต่นิดเดียว จนคู่อริทั้ง 3 วิ่งหนีไปเอง”
—————-
ผมเคยคิดมานานแล้วว่าอยากจะทำอะไรสักอย่างเป็นที่ระลึกถึงจารย์ปู่คำผุก
แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะทำเป็นอะไรอย่างไร
ถึงบัดนี้นี้คิดได้ว่าถ้าจะทำ ก็ทำเป็นเหรียญหล่อรูปจารย์ปู่คำผุกสักรุ่นหนึ่ง
โดยทำในลักษณะเดียวกับเหรียญหล่อหลวงปู่หา
ด้านหลังเหรียญขุดเป็นหลุมสำหรับอุดนวดเหล็กไหลที่ยังเก็บไว้พร้อมกับอุดเกษาที่เหลื
ออยู่ด้วย
แค่คิด…ยังไม่ได้ลงมือทำ