ไม่อนุญาตให้ปฏิวัติ
ใครคนหนึ่งปรารภกับพวกว่า
กรุงเทพฯ แทบจะเป็นจังหวัดที่ขึ้นกับภาคอีสาน คุณสามารถพูดลาว ได้ที่ปั๊มน้ำมันทุกแห่ง คุณสามารถต่อรองราคากับแท๊กซี่ ๗ ใน ๑๐ คัน ด้วยภาษาลาว
นักเขียนการ์ตูนหรือนิยายภาพ ทั้งหมดในประเทศไทย เป็นคนอีสานไม่น้อยกว่า ๗๐%
มือวางอันดับ ๑-๕ ที่มีชื่อเสียงและฝีมือในอาชีพนี้พูดลาวแล้ว ๔ คน
ซาอุฯ ก็แทบจะเป็นเมืองขึ้นของภาคอีสาน
พูดกันเล่น ๆ แต่จริง ๆ ในหมู่ทหารว่า ถ้าทหารจะยกพวกเขกกบาลกัน ใช้ทหารอีสานก็เป็นต่อไม่รู้เท่าไหร่
ป๋าของผม ไปตั้งหลักที่โคราชเมื่อไหร่ ไม่มีใครกล้ารองก็เห็น ๆ กันอยู่
คนอีสานมีวิญญาณนักผจญภัยเสี่ยงโชค และทรหดอดทนอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
เป็นคนอยู่ง่าย กินง่าย พูดง่าย
คุณสมบัติเพียง ๓ ประการนี้ก็เพียงพอที่จะอยู่ที่ไหน ๆ ในโลกได้ไม่มีปัญหา
บางคนบอกว่าชาวเหนือกับชาวอีสานคล้ายกันมาก จะมีข้อแตกต่างที่เห็นได้ก็ตรงที่ชาวเหนือซื่อและเรียบร้อยกว่าชาวอีสานซึ่ง ออกจะหัวหมอสักหน่อย
แต่เรื่องนี้ต้องรอเอาเข้าห้องทดลองเสียก่อนว่าจริงไหม ?
ชาวเหนือที่ออกไปล่าเมืองขึ้นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
ปัตตานี…..ใครจะคิดว่ามีหญิงชาวเหนืออยู่มาก คุณทวีพรมือเขียนภาพประกอบนวนิยายและนิยายภาพในหนังสือแปลกเล่าให้ฟังว่า ได้ยินผู้หญิงชาวเหนือทะเลาะกับลูกค้าชาวใต้ที่นั่น
“ระวังนะมึงที่นี่ถิ่นกู” ชาวใต้ขู่
“มึงน่ะแหละระวัง กูกำลังจะกินเมืองของมึงอยู่รอมร่อ ยังไม่รู้อีก”
ไม่ได้ถามคุณทวีพรว่าเรื่องนี้ลงเอยอย่างไร แต่สงสัยการกินเมืองนี้ท่าจะจริงอย่างอีน้องคนเหนือว่า และก็คงกินไปบ้างแล้วไม่น้อยหรอก
ผมมาธุระที่แม่ฮ่องสอนเดือนกว่าต้องถึงกับประหลาดใจ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะพบคนอีสานอยู่ที่นี่
ถ้าพบคนสองคนไม่ประหลาดใจหรอกครับ
หมู่บ้านที่บ่อน้ำร้อนผาบ่องห่างจากตัวเมืองสิบกว่ากิโล เป็นคนอุบลฯทั้งนั้น
ข้าราชการพลเรือนและทหารที่นี่พูดลาวเสีย ๙๐%
ขึ้นไปเที่ยวปางตอง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่สูงตามพระราชดำริฯ มีความรู้สึกเหมือนเดินเที่ยวอยู่ในภาคอีสาน
ไม่ได้พูดภาษาอื่นเลย
ทำให้นึกถึงครั้งหนึ่ง เคยถามคนไปซาอุฯว่า เราพูดภาษาแขกก็ไม่ได้ ภาษาฝรั่งก็ไม่ได้ ไปแล้วไม่มีปัญหาหนักอกหนักใจบ้างหรือ
คำตอบมีว่า ไม่หนักใจ ไม่มีปัญหา เพราะว่าไปซาอุฯ ก็พูดลาวกันสนั่น ถ้าซาอุฯ จะปฏิวัติใช้คนอีสานก็ยังไหว
เคยคิดว่า นี่เป็นมุขตลกปลุกปลอบขวัญและกำลังใจมากกว่า ตอนนี้คิดใหม่แล้วว่าเป็นเรื่องจริงละแฮะ
ถ้าเราไม่พูดถึงเรื่องกินบ้านกินเมือง หรือเรื่องการแสวงโชคผจญภัยของคนภาคไหน ๆ สิ่งที่นึกได้ในทันทีคือ
“ประเทศไทยนี้ แสนจะอบอุ่น”
ใครจะทำอะไร จะไปอยู่ที่ไหนล้วนอยู่ได้ทำได้ไม่มีปัญหา ไม่มีอันตราย ขอเพียงเป็นเรื่องสุจริตและอยู่ในพื้นที่ประเทศไทยของเรา
คนใต้ไปอยู่อีสานก็ได้ คนอีสานไปอยู่ใต้ก็ได้ คนเหนือคนภาคกลางก็ล้วนจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งสิ้น
เช่นเดียวกับแม่ฮ่องสอนซึ่งมีผู้คนจากทุกภาคทั่วประเทศไปลงหลักปักเสากันที่นั่น ทั้งยังเป็นถิ่นฐานของชาวไทยใหญ่ หรือที่เรียกตัวเองว่า “จ๊าดไต” อีกด้วย
จ๊าด คือ ชาติ
ไต คือ ไทย
จ๊าดไตในแม่ฮ่องสอนต่างอยู่กันอย่างสุข สงบ สบายมาชั่วลูกชั่วหลาน แต่จ๊าดไตอีกจำนวนมากกว่าแปดล้านคนในรัฐฉาน สหภาพพม่า ต้องลำบากยากเข็ญ อยู่ภายใต้การกดขี่มานับร้อย ๆ ปี
จ๊าดไตในแม่ฮ่องสอนบอกว่า พี่น้องของเขาในรัฐบาลร้องไห้ข้างในหัวอกกันวุ่นวาย ยิ่งในช่วง ๔๐ ปีหลังนี้ อกของพวกเขาท่วมน้ำตา
ถ้ารัฐฉานเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย คนไตที่นั่นก็คงสุขสบายเหมือนพี่น้องของเขาในแม่ฮ่องสอน
ไม่ต้องสุมหัวกันตั้งขบวนการกู้ชาติ กู้แผ่นดิน เหมือนกะเหรี่ยงหรือกองพล ๙๓ จีนฮ่อ
เคยมีสารจากประชาชนไทยใหญ่ถึงชาวไทยเรา เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๘ โดยบอกถึงเป้าหมายข้อเท็จจริง และความพยายามในการกู้ชาติ ซึ่งมีการจัดตั้งสภาปฏิวัติแห่งชนชาติไต หรือเรียกย่อ ๆ ว่า TRC (Tai Revolutionary Council) ภายใต้การนำของ นายพลโมเฮง นายกรัฐมนตรีแขนเดียว
สาส์นนี้ไม่ได้แพร่หลายครึกโครมเหมือนใบปลิวที่ปลิวว่อนทุกครั้งที่มีปัญหาแปลกๆ ในกรุงเทพฯ หรอกครับ
มีคนได้อ่านน้อยมาก
เจตนาของการส่งสาส์นของสภาปฏิวัติฯ ก็คงจะขอความเห็นใจ ขอความสนับสนุน และขอการยอมรับฐานะขบวนการกู้ชาติของพวกเขาจากประเทศไทย
ขออนุญาตปฏิวัติ ว่าอย่างนั้นเถิด
แต่เราจะอนุญาตก็ออกกระอักกระอ่วนใจ เพราะเราเป็นสมาชิกขององค์การ สหประชาชาติ จะเที่ยวไปอนุญาตให้ใคร ๆ กู้ชาติกู้แผ่นดินหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อมิตรประเทศสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
เอกราชและบูรณภาพ ของสหภาพพม่าเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ
แม้เราจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะพรมแดนที่มีปัญหาว่าจะต้องถูกกู้ ก็อยู่ชิดกับเขตแดนไทยทั้งนั้น
แถมสภาปฏิวัติหรือเรียกง่าย ๆ ว่ารัฐบาลแห่งสาธารณรัฐไต ยังมีเสี่ยขุนส่าที่ฝรั่งขนานนามว่า Opium War Lord มาเป็นรัฐมนตรีการคลังให้ยิ่งพิพักพิพ่วนใหญ่
เกี่ยวกับเรื่องนี้มีหนังสือพิมพ์วิเคราะห์ข่าวรายสัปดาห์บางฉบับเชื่อว่า
นายพลโมเฮง เป็นคนมือสะอาดมีประวัติการต่อสู้ในการกู้ชาติยาวนาน ไม่ด่างพร้อย แขนข้างซ้ายที่ถูกพม่ายิงขาดสมัยหนุ่ม ๆ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นผู้นำ นายพลแขนเดียว ผู้นี้เป็นที่เกรงอกเกรงใจของขุนส่ามาก
เมื่อขุนส่าประกาศวางมือจากการค้ายาเสพติด ก็ถูกดึงเข้าร่วมสภาปฏิวัติฯ รายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็ไม่จำเป็นต้องได้มาจากการค้ายาเสพติดเพราะว่า รัฐฉานมีทรัพยากรมาก ทั้งหยก เพชรและพลอย แร่ดีบุกอื่น ๆ พืชไร่ สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งคณะรัฐบาลไทยใหญ่เรียกเก็บภาษีมาบำรุงกองทัพสบาย ๆ
และคณะรัฐบาลไทยใหญ่ ยังมีนโยบายปราบผู้ค้าเสพติดด้วย
คือเชื่อว่าขุนส่าไม่ได้ค้ายาเสพติดแล้ว นับแต่เข้าร่วมคณะรัฐบาลแห่งชาติไทยใหญ่ ที่ค้ายาเสพติดอยู่ทุกวันนี้เป็นกลุ่มอื่น
แต่สำหรับผมยังเชื่อว่าการดึงเอาขุนส่าเข้ามาร่วมขบวนการกู้ชาติ แล้วบอกว่าขุนส่าเลิกค้ายาเสพติดเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
การเข้าร่วมขบวนการกู้ชาติของขุนส่า ถ้าบอกว่าเป็นการสร้างสถานภาพ หรือสร้างเกราะกำบังที่ดีให้ตัวเอง ยังน่าฟังกว่า มิหนำซ้ำกองกำลังขุนส่าก็ใช่ย่อยที่ไหน ใครไม่อยากได้
ล่าสุดที่ยิงกันโครมคราม จนตำรวจไทยหายไปคนหนึ่ง ก็มีเหตุจากขุนส่า
ที่แม่ฮ่องสอนพูดกันทั่วว่าเพราะฝนเทียมที่มุ่งทำลายไร่ฝิ่นของขุนส่าจนเสียหายนั้น คือเหตุที่บันดาลให้ขุนส่าโกรธ
ก็เลยต้องยิงกัน
ขุนส่าก็ยังปลูกฝิ่นอยู่เหมือนเดิมไม่ได้เลิกปลูกอย่างที่ใคร ๆ เชื่อ
เทือกเขาสลับซับซ้อน ในท้องที่ตำบลหมอกจำแป่ แม่ฮ่องสอน เพื่อนทหารคนหนึ่งประจำการอยู่ที่นั่นชี้ให้ดูว่า บนยอดต่ำลงมาหน่อยมีกองพล ๙๓ ซึ่งขึ้นตรงกับกองพลใหญ่ในอำเภอฝางตั้งอยู่ ส่วนยอดสูงขึ้นไปเริ่มเข้าเขตพม่าแล้ว นั่นแหละยอดขุนส่า เมื่อ ๒-๓ เดือนก่อนอยากดูไร่ฝิ่นก็ได้ดูทันที
หลังฝนเทียมตกแล้วไร่ฝิ่นก็หายวับ
เปลี่ยนจากรัฐฉานเป็นประเทศไทย พี่น้องไตก็หมดโอกาศตั้งสภาปฏิวัติฯ ไม่ได้ถูกบีบถูกคั้นจนหน้าเขียวแล้วเขียวอีกแบบนั้นนี่นา จะหาเรื่องปฏิวัติทำไมจริงมั้ย
ออกจะเหนื่อยใจนะครับ
โถ….แค่จะเอ่ยปากอนุญาตปฏิวัติให้ เรากันเองก็พิพักพิพ่วนจะแย่อยู่แล้ว
ไม่มีใครเผยไต๋จริง ๆ ให้เราเอ่ยปากถนัดสักราย
งานเขียนของคุณอาอำพล เจน … จากหนังสือแปลก ฉบับที่ 581
วันที่ 14 เมษายน 2530
————————————————————————