นิมิตของนักภาวนาสมาธิเป็นจริงหรือลวง

” ..ในขณะใดที่นักภาวนาหรือนักบำเพ็ญวิปัสนาสมถกรรมฐานได้ตั้งใจแน่วแน่ต่อการปฏิบัติ
ถ้าท่านตั้งความรู้สึกไว้ในเบื้องต้นว่า พระพุทธเจ้าคือคุณธรรม พระธรรมก็คือคุณธรรม พระอริยสงฆ์ก็คือคุณธรรม แล้วท่านก็บำเพ็ญปฏิบัติไปตามวิถีทางแห่งการบำเพ็ญจิต  เมื่อจิตของท่านสงบลงไปแล้วท่านก็จะรู้สัมผัสถึงคุณธรรมของพระพุทธเจ้าของพระธรรมและของพระสงฆ์เท่านั้น

แต่ถ้าท่านตั้งปณิธานเอาไว้ว่า ข้าพเจ้าปฏิบัติบำเพ็ญแล้วขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาหา ให้ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้า
เมื่อปฏิบัติจิตสงบสว่างลงไปแล้ว กระแสจิตส่งออกไปข้างนอก ท่านจะมองเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาหาท่าน
ขณะที่ท่านมองเห็นเช่นนั้น ความรู้สึกของท่านจะรู้สึกว่าพระพุทธเจ้ามีรูปร่างเป็นตัวเป็นตน เพราะอาศัยกิเลสคือตัวอุปาทานยึดว่าพระพุทธเจ้าเป็นตัวเป็นตนนั่นเอง
เมื่อพระพุทธเจ้าเข้ามาประทับภายในจิตใจของท่าน บางทีท่านจะพบกับพระพุทธเจ้าปลอม คือปลอมกายเป็นพระพุทธเจ้ามาทรงภายในจิต
แล้วก็จะแสดงอาการไปต่างๆนานา ซึ่งสุดแท้แต่วิถีจิตของท่านจะปรุงแต่งไปตามอำนาจแห่งโมหะคือความหลง เพราะท่านหลงว่าพระพุทธเจ้ามีตัวมีตน จิตของท่านเป็นผู้หลง ในเมื่อจิตของท่านเป็นผู้หลง จิตของท่านจึงสร้างพระพุทธเจ้าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา

ทั้งสองอย่างนี้อะไรผิดอะไรถูก ?

การนึกสร้างพระพุทธเจ้าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมานั่นเองเป็นสิ่งที่ผิด.. ผิดและเคลื่อนคลาดจากพุทธภพอย่างให้อภัยไม่ได้
เพราะฉนั้นนักปฏิบัติทั้งหลายพึงสังวรณ์ระวังเกี่ยวกับเรื่องนิมิตต่างๆ

ถ้าท่านภาวนาแล้วเกิดนิมิตต่างๆขึ้นมา เห็นภาพคน ภาพสัตว์ ภาพเทวดา พระพุทธเจ้า หรือพระสงฆ์ทั้งหลายก็ตาม
จิตของท่านไปสำคัญมั่นหมายว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นตัวเป็นตนมาจากที่อื่น ..นั่นเป็นการเข้าใจผิด… ที่ถูกต้องนั่นก็คือจิตของท่านเป็นผู้ปรุงแต่งขึ้นมาเอง

ถ้าท่านนึกว่าพระพุทธเจ้ามีตัว ท่านก็จะต้องเห็นพระพุทธเจ้าเป็นตัว
ถ้าท่านนึกว่าพระธรรมเป็นตัว เมื่อจิตสงบลงไปแล้วท่านจะเห็นทันทีพระธรรม
ถ้าหากท่านคิดว่าพระสงฆ์เป็นตัวเป็นตน เมื่อจิตสงบลงไปแล้ว ท่านจะเห็นพระสงฆ์เป็นตัวเป็นตน เป็นหมู่เป็นพวกเดินเข้ามาหาท่าน หรือเดินผ่านท่านไป

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอุปาทานที่ท่านคิดว่าอยากรู้อยากเห็น

ระดับจิตที่สงบลงเป็นสมาธิแล้วในขั้นอุปจารสมาธินั้น ถ้าจิตมันปรุงแต่งอะไรขึ้นมาในขณะนั้น มันจะกลายเป็นตัวเป็นตนทั้งหมด
เพราะสิ่งที่ท่านมองเห็นนั้น จะรู้สึกว่ามองเห็นด้วยตาธรรมดา
ตาท่านหลับอยู่แต่ท่านสามารถมองเห็นได้
ทำไมจึงมองเห็นได้
ก็เพราะจิตของท่านปรุงแต่งจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
อันนี้พึงสังวรณ์ระวัง… ”

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

แชร์ :

ความคิดเห็น

** โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างมีวิจารณญาน